Follow us

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมสนับสนุน โครงการ "ประติมากรรมใต้ทะเลไทยเฉลิมพระเกียรติ" แห่งแรกในไทย ฟื้นฟูธรรมชาติใต้ท้องทะเลอย่างยั่งยืน

ปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ส่งผลกระทบต่อโลกของเราอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตแผ่นดินไหว อุทกภัย การเปลี่ยนแปลงเนื่องจากสาเหตุต่างๆ ทั้งจากความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติด้วยกันเอง และที่สำคัญคือจากฝีมือมนุษย์ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องช่วยกันคนละไม้ละมือเพื่อรักษาโลกของเรา ด้วยเหตุนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษจากคันนา เพื่อลดโลกร้อน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและแนวคิดในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง จึงร่วมกับจังหวัดตราด สนับสนุนโครงการ "ประติมากรรมใต้ทะเลไทยเฉลิมพระเกียรติ" ขึ้น เนื่องจากปัญหาความเสื่อมโทรมใต้ทะเล โดยเฉพาะปะการัง ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเล ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ปะการังฟอกขาว ทำให้ปลาน้อยใหญ่และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลดจำนวนลงเรื่อยๆ โครงการนี้จึงเป็นอีกทางหนึ่งในการช่วยฟื้นฟูและอนุรักษ์ธรรมชาติใต้ทะเลให้กลับคืนมา และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สวยงามอีกด้วย

ดั๊บเบิ้ล เอ ชวนน้องๆ วาดภาพระบายสี "ทะเลของฉัน"

โครงการ "ประติมากรรมใต้ทะเลไทยเฉลิมพระเกียรติ" เป็นการสร้างปะการังเทียมหรือบ้านปลา ในรูปแบบงานศิลป์ประติมากรรมรูปช้าง เพื่อเป็นแหล่งอาศัยและวางไข่ของสัตว์ใต้ทะเล ที่สำคัญเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จอมปราชญ์แห่งสายน้ำ ที่ได้ทรงรับสั่งว่า "ธรรมชาติ และทรัพยากรธรรมชาติ ถูกออกแบบมาให้เอื้อต่อกัน มนุษย์ทำเพียงแค่มาบริหารจัดการเท่านั้น" มาใช้เป็นแนวทางในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติร่วมกัน เพื่อลดปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะความเสื่อมโทรมของแนวปะการังที่เกิดจากภาวะโลกร้อนและการใช้ทรัพยากรเกินขีดจำกัด ซึ่งปะการังชนิดต่างๆ เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของทะเล เป็นบ้านปลาที่มีความสวยงามและหล่อเลี้ยงชีวิตมากมายบนโลกใบนี้ ความเสื่อมโทรมของบ้านปลาจึงทำให้สูญเสียห่วงโซ่อาหาร และความอุดมสมบูรณ์

เด็กๆ เยี่ยมชมนิทรรศการ

สำหรับงานประติมากรรมช้าง ที่สวยงามนี้ ได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติ อาจารย์อังคาร กัลยาณพงศ์ ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต นับเป็นผลงานทิ้งท้ายที่ท่านเขียนช้างมงคลต้นแบบให้ อาจารย์แหลมสิงห์ ดิษฐพันธุ์ เป็นหัวหน้าคณะประติมากร โดยประติมากรรมช้าง สร้างด้วยวัสดุ คอนกรีตชนิดพิเศษ เสริมเหล็ก ชนิดที่ปะการังสามารถเติบโตได้ดี มีอายุการใช้งาน มากกว่า 50 ปี โดยจัดทำเป็นช้างมงคล 5 เชือก และประติมากรรมลอยตัวครอบครัวช้างอีก 4 เชือก โดยจะมีการนำช้างทั้ง 9 เชือก วางไว้ใต้ทะเลระหว่างเกาะหมากกับเกาะระยั้ง ในหมู่เกาะช้าง โดยการจัดสร้างรูปปั้นช้างได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว และทางจังหวัดได้จัดแสดงประติมากรรมใต้ทะเล เฉลิมพระเกียรติ พร้อมกับจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้และแนวทางการดูแลรักษาธรรมชาติใต้ทะเล ที่ศาลากลางจังหวัดตราดหลังเก่า ก่อนนำไปติดตั้งจริงใต้ทะเล ในช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ซึ่งดั๊บเบิ้ล เอ ก็ได้จัดกิจกรรมสันทนาการให้กับเยาวชนจากโรงเรียนในพื้นที่ของจ.ตราด เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ท้องทะเล และช่วยกันดูแลรักษาต่อไป ซึ่งนอกจากเด็กนักเรียนจะได้รับความรู้ความสนุกสนานกลับไปเต็มๆ แล้วยังได้รับการสนับสนุนสมุดและอุปกรณ์การเรียนอีกด้วย

กิจกรรมสร้างจิตสำนึกรักษ์ช้างไทย
น.ส.เบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และนายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมชมประติมากรรมช้างและนิทรรศการฯ

นางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวถึงโครงการ "ประติมากรรมใต้ทะเลไทยเฉลิมพระเกียรติ" จ.ตราด ว่า จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลแห่งใหม่และแห่งแรกที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ที่นักท่องเที่ยวสามารถดำแบบผิวน้ำหรือสน็อกเกอร์ชมประติมากรรมช้างมงคลได้ ซึ่งเป็นบ้านปลาที่ผสมผสานศิลปะสวยงามและใช้วัสดุที่ไม่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ เพื่อเป็นแหล่งที่พักพิงให้กับปลาทะเลและสร้างปะการังให้เกิดขึ้นใหม่ เป็นการฟื้นฟู อนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย ซึ่งประติมากรรมจะนำไปติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมใต้ทะเลบริเวณอ่าวไอยรา เกาะหมาก ความลึกประมาณ 8 เมตร โดยไม่กีดขวางทางเดินเรือหรือทิศทางกระแสน้ำ

ด.ญ.จันทร์จิรา โสอินทร์ (น้องเฟิน)

ด.ญ.จันทร์จิรา โสอินทร์ หรือน้องเฟิน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลตราด ที่ได้เข้าร่วมงานแสดงนิทรรศการและประติมากรรมช้าง กล่าวว่า "หนูเป็นคนจังหวัดตราดโดยกำเนิด และสนใจเรื่องของการทำประติมากรรมใต้น้ำ โดยรู้เรื่องราวต่างๆ ของรูปปั้นช้างว่าสร้างขึ้นมาจากเหล็กผสมคอนกรีตเพื่อเป็นปะการังใต้น้ำให้ปลาใต้ท้องทะเลได้อาศัย เพราะเดี๋ยวนี้น้ำทะเลตามเกาะไม่ค่อยใสแล้วคะ ไม่ค่อยเห็นปลา หนูก็จะช่วยดูแลรักษาทะเลของเราและจะบอกทุกคนว่าให้ช่วยกันเก็บขยะ ไม่ทิ้งขยะเพิ่ม เพื่ออนุรักษ์ให้ลูกหลานต่อไป และเชิญชวนให้ทุกคนมาเที่ยว จ.ตราด ซึ่งมีทะเลสวย หาดทรายขาวคะ"

เล่นเกมเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม
ท่านผู้ว่าฯ ให้เกียรติมอบของรางวัล
ด.ช. จิณณวัตร ทั่งทอง (น้องบอล)

สุดท้าย ด.ช. จิณณวัตร ทั่งทอง หรือน้องบอล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 บอกว่า "ชอบประติมากรรมช้างมากครับ โดยเฉพาะช้างอ้อมจักรวาล เพราะดูตัวใหญ่กว่าช้างตัวอื่น และผมก็ชอบทะเลด้วยครับ เวลาไปเที่ยวทะเลกับครอบครัว ผมก็จะช่วยเก็บขยะและไม่ทิ้งขยะลงทะเล เพราะผมอยากให้ทะเลสวยๆ มีปลาเยอะๆ ครับ"

ทั้งหมดนี้ นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างโครงการสร้างสรรค์ดีๆ ที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมแรงร่วมใจ ในการปกปักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นให้ยั่งยืนต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์

Double A ร่วมสนับสนุนงาน World Expo 2020 Dubai ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลสู่สายตาทั่วโลก

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกิจกรรม “Thailand Pavilion Launch & Networking Reception” ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) งาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 มหกรรมงานระดับโลก ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 -31 มีนาคม 2565 ณ เมืองดูไบ เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่น ส่งเสริม และสร้างโอกาสใหม่สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยผ่านการลงทุน การค้า สู่สายตาประชาคมโลก โดยมี นายวราวุธ ภู่อภิญญา (คนกลาง) เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรม ณ โรงแรมดุสิตธานี ดูไบ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัว “กระดาษคราฟท์” พร้อมจำหน่าย รองรับตลาดอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “กระดาษคราฟท์” เพื่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ กำลังการผลิต 250,000 ตันต่อปี พร้อมทำการตลาดและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ 3,000 ล้านบาทต่อปี นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดเผยว่า ความต้องการกระดาษคราฟท์ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกมีประมาณ 164 ล้านตันต่อปี และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเฉลี่ยประมาณปีละ 2.5 % โดยตลาดในแถบเอเชียแปซิฟิค ถือเป็นตลาดที่มีความต้องการบริโภคกระดาษคราฟท์มากที่สุดในโลก หรือเกือบครึ่งหนึ่งของโลก และเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิคที่ไม่รวมประเทศจีน ก็มีความต้องการมากถึง 30 ล้านตันต่อปี และมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ 4 % ต่อปี ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดกระดาษคราฟท์มาตั้งแต่ปี 2562 โดยมีการลงทุนสร้างโรงเยื่อ RECYCLE PULP (RCP) แห่งใหม่ขึ้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยงบลงทุน 1,000 ล้านบาท มีการเดินเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว และได้ปรับกระบวนการผลิตของโรงกระดาษที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงโรงกระดาษ 1 ที่จังหวัดปราจีนบุรี มาผลิตกระดาษคราฟท์ กำลังการผลิตอยู่ที่ 250,000 ตันต่อปี และมีผลิตภัณฑ์แรกที่พร้อมจำหน่ายแล้ว คือ กระดาษคราฟท์เพื่อทำลอนกล่องลูกฟูก CORRUGATED MEDIUM (CM) สำหรับการทำตลาดกระดาษคราฟท์นั้น ดั๊บเบิ้ล เอ วางแผนทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มจากประเทศในแถบเอเชียก่อน โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการที่ดั๊บเบิ้ล เอ มีเครือข่ายการตลาดทั่วโลก นอกจากนี้ กำลังการผลิตส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานกล่องกระดาษของดั๊บเบิ้ล เอ ด้วย เพื่อทดแทนการใช้วัตถุดิบจากภายนอก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับดั๊บเบิ้ล เอ ได้ไม่น้อยกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท และช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของดั๊บเบิ้ล เอ มากขึ้น เนื่องจากตลาดกระดาษเพื่อบรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ปัจจุบัน ดั๊บเบิ้ล เอ มีผลิตภัณฑ์หลัก คือ เยื่อกระดาษใยสั้น กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษสำนักงาน และผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มกระดาษ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มทั่วไป ได้แก่ ปากกา ปากกาเน้นข้อความ ปากกาลบคำผิด เครื่องเย็บกระดาษ กระเป๋าผ้า ซึ่งมีการจำหน่ายในทุกช่องทาง รวมทั้งช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ delivery.doubleapaper.com ซึ่งบริการเดลิเวอรี่ส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานในยุค New Normal สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียดของผลิตภัณฑ์กระดาษคราฟท์ สามารถสอบถามและสั่งซื้อได้ที่โทร.085 835 3794 (สำหรับลูกค้าในประเทศ) และโทร.085 835 4098 (สำหรับลูกค้าต่างประเทศ)

ดั๊บเบิ้ล เอ สร้างปรากฏการณ์สุดเจ๋งใน MV วง OK GO ตอกย้ำกระดาษคุณภาพที่ผู้ใช้ทั่วโลกไว้วางใจ

ปรากฏการณ์ใหม่ระดับโลกเมื่อดั๊บเบิ้ล เอจับมือกับศิลปินวง OK GO วงดนตรีสุดครีเอท แนวอัลเทอร์เนทีฟร็อก จากสหรัฐอเมริกา ที่มีผลงานเพลงและมิวสิค วิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางสร้างเซอร์ไพร์สให้กับแฟนเพลงทั่วโลกอีกครั้ง ในมิวสิควิดีโอเพลง Obsession ด้วยเทคนิค Paper Mapping เป็นครั้งแรกของโลก โชว์คุณภาพดั๊บเบิ้ล เอ ที่ส่งออกไปแล้วกว่า 130 ประเทศ โดยศิลปิน OK GO ได้สัมผัสถึงความเรียบลื่นและคุณสมบัติเด่นของกระดาษดั๊บเบิ้ล เอที่ สามารถพรินต์ออกมาโดยไร้อุปสรรคใดๆ จนเกิดแรงบันดาลใจ“OBSESSION for Smoothness” ในการนำมาสร้างสรรค์ฉากอลังการที่น่าตื่นตาตื่นใจในมิวสิควิดีโอชุดนี้ ซึ่งดั๊บเบิ้ล เอ เห็นถึงความเป็นสากลของดนตรีและความคิดสร้างสรรค์ของวง OK GO ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ๆ สื่อสารภาพลักษณ์ ที่เฟรชขึ้น สนุกขึ้น แต่ยังคงหนักแน่นในเรื่องคุณภาพสินค้าที่ทุกคนไว้วางใจ

โครงการปลูกต้นกระดาษ ปลูกปัญญาโรงเรียนในชนบทปี 3 สร้างทุนพัฒนาการศึกษา

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ดั๊บเบิ้ล เอ มอบต้นกระดาษในโครงการ “ปลูกต้นกระดาษ ปลูกปัญญาโรงเรียนในชนบทปี 3” ให้กับโรงเรียนชุมชนวัดโพธิ์ทอง "ปกาสิตวิทยา" จ.พิจิตร หนึ่งใน 80 โรงเรียนที่ได้รับเลือกเข้าร่วมโครงการ นำไปปลูกจำนวน 500 ต้น ในพื้นที่ว่างของโรงเรียนเพื่อเป็นทุนพัฒนาการศึกษาและช่วยลดโลกร้อน พร้อมมอบหนังสือ ตู้หนังสือและอุปกรณ์ดนตรี ซึ่งโครงการ “ปลูกต้นกระดาษ ปลูกปัญญาโรงเรียนในชนบท ปี 3” เป็นความร่วมมือระหว่าง ดั๊บเบิ้ล เอ กับสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย, ธนาคารกรุงไทย, อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ และบริษัทสยามดนตรียามาฮ่า จำกัด จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนให้โรงเรียนในชนบท รู้จักใช้พื้นที่ว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์ ช่วยสร้างรายได้เพื่อเป็นทุนนำมาพัฒนาโรงเรียนและการศึกษาของเยาวชน อีกทั้งเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและความร่มรื่นให้โรงเรียน ช่วยลดปัญหาโลกร้อนอีกด้วย

ดั๊บเบิ้ล เอ รับรางวัลสุดยอดแบรนด์ชั้นนำ "Superbrands" 4 ปีซ้อน

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ รับรางวัลสุดยอดแบรนด์ชั้นนำ “Superbrands” ประจำปี 2013 จากมร.ไมค์ อิงลิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ องค์กรซุปเปอร์แบรนด์ โดย ดั๊บเบิ้ล เอ ได้รับรางวัลสุดยอดแบรนด์เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งผ่านการคัดเลือกจากผู้บริโภคและคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในหลากหลายสาขาอาชีพ ให้ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นสุดยอดแบรนด์ด้วยความเป็นผู้นำตลาด ความแข็งแกร่งของแบรนด์ ความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค จากการสำรวจทางการตลาดทั้งหมดกว่า 650 แบรนด์ ใน 37 กลุ่มผลิตภัณฑ์

ดั๊บเบิ้ล เอและกทม. ชวนบรรณารักษ์ สร้างห้องสมุดในฝัน ส่งเสริมเด็กไทยรักการอ่าน

การอ่านคือการเปิดโลกกว้าง เปิดมุมมองจากความคิดของผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ผ่านตัวหนังสือ และสำนวนที่หลากหลายชวนติดตาม โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาชี้ว่าร้อยละ 80-90 ของความรู้และข้อมูลที่มนุษย์ต้องการ ค้นหาได้จากการอ่าน นอกจากนี้ การอ่านยังเป็นช่องทางในการเสริมสร้างจินตนาการและความคิด ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์อีกด้วย ดั๊บเบิ้ล เอ เล็งเห็นความสำคัญของการอ่านและได้มีการส่งเสริมสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ได้ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร จัดงานสัมมนาบรรณารักษ์ประจำปี 2556 ภายใต้หัวข้อ “ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ ชวนบรรณารักษ์ สร้างห้องสมุดในฝัน” เพื่อส่งเสริมให้อาจารย์และบรรณารักษ์ได้นำความรู้ไปพัฒนาห้องสมุดภายในโรงเรียนและในชุมชนให้เป็นห้องสมุดในฝันของเด็กๆ โดยมี ศาสตราจารย์คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต นายกสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย และอาจารย์เจริญ มุศิริ ครูเกียรติยศ สาขาบรรณารักษศาสตร์ของกระทรวงศึกษาธิการ ให้เกียรติมาเป็นวิทยากรสร้างสรรค์สังคมรักการอ่าน ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้ได้รับความสนใจจากครูบรรณารักษ์จากโรงเรียนต่างๆ และเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์ห้องสมุดชุมชน กรุงเทพมหานคร มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก การสัมมนาเริ่มด้วยการบรรยายของอาจารย์เจริญ มุศิริ ที่ชักชวนเหล่าบรรณารักษ์จัดกิจกรรมในห้องสมุดเพื่อเป็นการจูงใจเด็กๆ เข้ามาใช้ห้องสมุดมากยิ่งขึ้น โดยการนำบทเรียนมาบูรณาการเข้ากับกิจกรรมที่สนุกสนานทั้งร้อง เล่น เต้น รำ สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เด็กๆสนใจในกิจกรรมและซึมซับเนื้อหาสาระไปโดยไม่รู้ตัวและเกิดการจดจำได้ง่าย “การสร้างห้องสมุดในฝันจำเป็นต้องมีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือการมีส่วนร่วมของคนในครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากภาครัฐและเอกชน โดยเริ่มจากครอบครัวที่จะต้องปลูกฝังให้ลูกรักการอ่านตั้งแต่เด็ก ซึ่งควรเริ่มจากการอ่านจากภาพ เพื่อสร้างจินตนาการในการคิด แล้วค่อยพัฒนาการอ่านเป็นหนังสือประเภทอื่นๆต่อไป ในส่วนของโรงเรียนก็ควรจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการความรู้กับกิจกรรมสันทนาการเพื่อจูงใจเด็กนักเรียน เช่นการจัดประกวดทักษะต่างๆ หรือกิจกรรมบันทึกการอ่าน โดยมีการเสริมเรื่องของรางวัลเพื่อจูงใจ และส่วนสุดท้ายชุมชนต้องให้ความสำคัญกับการอ่านด้วยเช่นกัน มีกิจกรรมให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง” อาจารย์เจริญ กล่าว ขณะที่คุณสุนิสา ปานเจริญ เจ้าพนักงานห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ กรุงเทพมหานคร (เขตลาดกระบัง) เล่าว่า “การได้เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ได้ความรู้และแนวทางในการจัดบรรยากาศห้องสมุดให้ดึงดูดประชาชนเข้ามาใช้บริการ โดยปกติห้องสมุดประชาชน เขตลาดกระบัง ก็มีการจัดกิจกรรมเพื่อดึงดูดประชาชนอยู่แล้ว แต่การได้เข้าร่วมการอบรมทำให้มีแนวคิดทางด้านการจัดกิจกรรมใหม่ๆ เปิดมุมมองใหม่ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาศักยภาพของบรรณารักษ์อีกด้วย” ต่อด้วยช่วงบ่ายที่เป็นการบรรยายของผู้ทรงคุณวุฒิที่อยู่ในวงการศึกษาไทยมานานอย่าง ศ.คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต นายกสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ที่นำประสบการณ์ในการทำงานมาเล่าสู่กันฟัง ถึงการผลักดันกิจกรรมห้องสมุดให้เป็นที่แพร่หลาย โดยท่านได้ให้แนวคิดของการจัดห้องสมุดให้เป็นห้องสมุดในฝันว่า “การจัดห้องสมุดให้อยู่ในพื้นที่เข้าถึงได้ง่าย สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้ให้สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ง่ายขึ้น ซึ่งห้องสมุดระดับโลกมักจะสร้างรูปลักษณ์การดีไซน์ที่ทันสมัย อย่างเช่น Salt Lake City Public Library ในสหรัฐอเมริกา ที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงามใหญ่โต และยังมีการสร้างบรรยากาศด้วยการเปิดเพลงคลอให้ผู้ใช้บริการเพลิดเพลิน รวมถึงการจัดหาหนังสือให้ครอบคลุมความต้องการของผู้อ่าน และที่สำคัญการสร้างห้องสมุดในประเทศไทย ภาครัฐควรส่งเสริมงบประมาณที่จะสามารถจัดหาหนังสือดีมีคุณภาพ สื่ออิเล็กโทรนิกส์ และการเพิ่มจำนวนห้องสมุดให้มีเพียงพอใช้งาน หรือเพียงแบ่งงบประมาณร้อยละ 5 ของงบประมาณแผ่นดินก็สามารถสร้างห้องสมุดที่ดีมีคุณภาพไว้ให้ประชาชนใช้บริการได้แล้ว” ส่วนผู้ร่วมเข้าฟังสัมมนาอย่าง คุณเอื้อมพร พรหมนรกิจ ครูบรรณารักษ์ โรงเรียนประดิษฐารามวิทยาคม กล่าวว่า จากการสัมมนาในวันนี้ก็ได้ความคิดใหม่ๆ ที่จะนำไปเป็นเทคนิคปรับใช้กระตุ้นความคิดของเด็กนักเรียนให้เกิดความสนใจ ก็จะช่วยนำไปสู่การอ่านให้มีมากขึ้น เช่น ผ่านการจัดกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ที่สนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ ซึ่งจะทำให้เด็กนักเรียนเข้ามาใช้ห้องสมุดมากขึ้น การสัมมนา “ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ ชวนบรรณารักษ์ สร้างห้องสมุดในฝัน” ในครั้งนี้ จะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนหนึ่ง ที่ดั๊บเบิ้ล เอ และกรุงเทพมหานคร ต้องการส่งเสริมให้สังคมไทยเป็นสังคมอุดมปัญญา ปลูกฝังให้เกิดนิสัยรักการอ่านอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเยาวชนไทย ซึ่งเป็นอนาคตอันสำคัญของประเทศชาติ เราคงไม่อยากหยุดสถิติการอ่านของคนไทยไว้ที่ปีละ 5 เล่มเท่านั้น แต่เราหวังไว้ว่านิสัยรักการอ่านจะอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันของคนไทยทุกเพศและทุกวัย