Follow us

ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ ชวนคนไทยสร้างสุขที่ยั่งยืนจัดทัพเหล่ากูรูด้านสุขภาพและความงาม ให้ข้อคิดดีๆ ในงาน "มหัศจรรย์แห่งความสุข"

"ความสุข" คำสั้นๆ ที่ทุกคนในโลกนี้ต่างเสาะแสวงหา แต่หลายคนคงสงสัยว่า "ความสุข" คืออะไร บางคนว่าความสุข คือ ทรัพย์สิน เงินทอง เกียรติยศ การห้อมล้อมไปด้วยคนรัก ซึ่งต่างคนก็ต่างความคิด และต่างเหตุผลที่จะแสวงหาความสุขให้กับตัวเอง แต่หลายคนคงจะไม่รู้ว่า ความสุขที่แท้จริงนั้น ไม่ได้หายากอย่างที่ใครหลายๆ คนคิด แต่ความสุขที่แท้จริงกับอยู่ที่ใจของเรากำหนดเอง  

 

คุณแม่จูงลูกมาร่วมกิจกรรมดีๆ

 

        ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนได้มีความสุขอย่างยั่งยืน ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ จึงได้จัดเสวนา "มหัศจรรย์แห่งความสุข" เนรมิตเมืองหนังสือเป็นเมืองแห่งความสุขกับกิจกรรมดีๆ ที่เหล่าวิทยากรด้านสุขภาพมาร่วมให้เคล็ดลับการมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ  โดยในงานเสวนาได้รับเกียรติจาก นายแพทย์วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลนครธน และ คุณสุนีรัตน์ ไม้ทิม บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร Simply Living ได้แนะวิธีการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง เพื่อสร้างความสุขที่ยั่งยืนว่า

 

 

นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร และ คุณสุนีรัตน์ ไม้ทิม แนะเคล็ดลับการมีสุขภาพที่ดี 

 

        "ร่างกายที่แข็งแรงต้องเริ่มมาจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกาย ซึ่งปัจจุบันคนเราป่วยเป็นโรคแปลกๆมากขึ้น เพราะเราขาดสองสิ่งนี้ และคนทำงานในปัจจุบันยังนิยมเป็นโรค "ออฟฟิศ ซินโดรม" ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการทำงานในท่าเดิมนานๆ ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งการจะรักษาให้หายจากโรคนี้ได้ เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง รู้จักพักผ่อนร่างกายและกล้ามเนื้อ เพราะเวลาทำงาน สมองและกล้ามเนื้อเกิดอาการตึงเครียด เราจึงต้องออกกำลังกาย นอนพักผ่อนให้เพียงพอ นอกจากนี้ คนในยุคปัจจุบันยังไม่ค่อยรับประทานผักและผลไม้ บริโภคแต่วิตามินอัดเม็ด ซึ่งวิตามินเหล่านั้นไม่สามารถชดเชยวิตามินจากอาหารธรรมชาติได้อย่างที่คนทั่วไปคิด" 
 

 

บรรยากาศงานมหัศจรรย์แห่งความสุข

 

        นอกจากนี้  ยังได้รู้เทคนิคการยืดเส้นยืดสายง่ายๆ ที่สามารถฝึกได้เองใช้เวลาแค่วันละ 10 นาที จากคุณอาภาลักษณ์ พรรคสายชล ผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดชั้นนำของเมืองไทย โดยมีท่าบริหาร อย่างการบริหารข้อมือด้วยการยื่นแขนไปข้างหน้า กางนิ้วมือออก เกร็งไว้สักครู่ สลับกับกำมือ ประมาณ 10 ครั้ง หรือท่าบริหารคอ โดยก้มศีรษะให้คางจรดกับหน้าอก ให้รู้สึกตึงบริเวณคอด้านหลัง ค้างไว้ 5-10 วินาที นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์นานๆ ควรเตือนตัวเอง ให้เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์บ้าง โดยให้มองออกไปไกลๆทุก 20 นาทีเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าของสายตา และผ่อนคลายความตึงเครียดอันเป็นสาเหตุของโรคออฟฟิศ ซินโดรมนี้  

 

โรงพยาบาลนครธนมาร่วมตรวจสุขภาพกาย  

 

         และเมื่อร่างกายได้รับอาหารดีมีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างถูกต้องแล้ว ก็ต้องรู้จักการบริหารใจให้ดีอีกด้วย ซึ่งงานนี้  "ดีเจพี่อ้อย"  คุณนภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ดีเจชื่อดังจากคลื่นกรีนเวฟ มาร่วมพูดคุยในหัวข้อ "สุขใจ สบายกาย" ซึ่งมาแนะนำวิธีการดีๆในการสร้างกำลังใจให้ตนเอง และรู้จักคิดบวกในสถานการณ์ต่างๆ ว่า

 

"ดีเจพี่อ้อย" ร่วมพูดคุยวิธีสร้างเสริมกำลังใจ

 

        "คนเราทุกคนย่อมมีสภาวะจิตใจที่ต่างกัน  มีวิธีคิดต่างกัน และก็ย่อมมีความสุข ความทุกข์ที่ต่างกันด้วย ดังเช่นในเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา คนต่างจังหวัดที่เคยประสบปัญหาอุทกภัย ต่างรับมือได้ และทุกข์น้อยกว่าคนกรุงเทพฯ ทั้งที่คนกรุงเทพฯน้ำมาสูงแค่เข่าเท่านั้นก็รู้สึกเป็นทุกข์มากเลย จากเหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า หากเราเข้าใจปัญหาทุกอย่าง สร้างกำลังใจให้เกิดความรู้สึกที่ดีขึ้น เริ่มมองเห็นทางออกของปัญหา ยอมรับกับมันก็จะช่วยให้ปัญหาเหล่านั้นคลี่คลายจากหนักก็กลายเป็นเบาขึ้น  ความสุขก็จะมีมาเอง  แต่สิ่งที่ทุกคนประสบอยู่ นั่นคือ เข้าใจปัญหาดีอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถพาตนเองออกจากปัญหาหรือความทุกข์นั้นได้"

 

        ปัจจุบันปัญหาที่ผู้ฟังรายการ Club Friday มากที่สุด อันดับหนึ่งก็คือ เรื่องความรัก โดยเฉพาะการไปรักคนมีเจ้าของ ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดศีลธรรมแต่ก็ยังพร้อมจะทำผิดศีลธรรมต่อไป และหลายๆคนยังเข้าใจผิดระหว่างคำว่า "คิดบวก" กับ "หลอกตนเอง" ซึ่งคิดบวกมากเกินไปก็อันตราย การคิดบวกนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง อย่างผู้หญิงคนหนึ่งชอบแต่งตัวเซ็กซี่ๆ แล้ววันหนึ่งคิดว่า เดินผ่านบริเวณที่มีการก่อสร้างหรือที่เปลี่ยวๆ คงไม่โดนข่มขืนหรอก เพราะคิดบวกโดยไม่ได้คิดอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ถือว่าเป็นการหลอกตนเอง จริงๆแล้ว การคิดบวกคือการคิดไม่ประมาท และคิดเผื่อในด้านลบด้วยแล้วเตรียมรับมือกับสิ่งนั้น อย่างในกรณีนี้ เราควรคิดกลับกันว่า ถ้าไปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับชั้นล่ะ ทำไมเราไม่เปลี่ยนเส้นทางเดินไปที่อื่นแทนการเดินทางไปยังที่ไม่ปลอดภัย หรือสถานที่เปลี่ยวๆ ยามค่ำคืน  แต่หากเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรแต่งตัวให้มิดชิดสักหน่อย" ข้อคิดดีๆ ที่ดีเจพี่อ้อยกล่าวทิ้งท้ายให้กับผู้ที่เข้าร่วมฟังการเสวนา

 

คุณจิรัฏฐ์ ฉายะจินดาวงศ์ กับเวิร์คชอป ซุปและสลัดเพื่อ

  

        หลังจากฟังวิธีการสร้างสุขที่ยั่งยืน สุขที่มาจากภายในกันแล้ว ในวันนั้น  คุณจิรัฏฐ์ ฉายะจินดาวงศ์ อดีตกองบรรณาธิการ Health & Cuisine Magazine ที่ปัจจุบันเป็นกูรูสอนทำอาหารอิสระใน www.facebook.com/thebakingstory  ยังได้มาร่วมสาธิตการทำซุปและสลัดเพื่อสุขภาพ  ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ  ซึ่งผู้ร่วมงานได้เข้าร่วมเวิร์กชอปทำอาหารร่วมกัน  ทั้งเด็กๆ และผู้ปกครองต่างสนุกสนานประชันฝีมือทำอาหารกันอย่างน่าทานทีเดียว นอกจากนี้ สำหรับคนที่รักการอ่าน ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ยังจัดโซนหนังสือเพื่อสร้างความสุขทางด้านจิตใจและหนังสือสุขภาพต่างๆ มาแนะนำให้ผู้อ่านที่สนใจเลือกซื้อเลือกหาจากหลากหลายสำนักพิมพ์  ติดตามกิจกรรมดีๆ แบบนี้ ได้ที่ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์   เมืองหนังสือบนถนนสาทร 12  หรือ www.DoubleAbooktower.com

ข่าวประชาสัมพันธ์

Double A ร่วมสนับสนุนงาน World Expo 2020 Dubai ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลสู่สายตาทั่วโลก

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกิจกรรม “Thailand Pavilion Launch & Networking Reception” ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) งาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 มหกรรมงานระดับโลก ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 -31 มีนาคม 2565 ณ เมืองดูไบ เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่น ส่งเสริม และสร้างโอกาสใหม่สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยผ่านการลงทุน การค้า สู่สายตาประชาคมโลก โดยมี นายวราวุธ ภู่อภิญญา (คนกลาง) เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรม ณ โรงแรมดุสิตธานี ดูไบ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัว “กระดาษคราฟท์” พร้อมจำหน่าย รองรับตลาดอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “กระดาษคราฟท์” เพื่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ กำลังการผลิต 250,000 ตันต่อปี พร้อมทำการตลาดและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ 3,000 ล้านบาทต่อปี นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดเผยว่า ความต้องการกระดาษคราฟท์ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกมีประมาณ 164 ล้านตันต่อปี และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเฉลี่ยประมาณปีละ 2.5 % โดยตลาดในแถบเอเชียแปซิฟิค ถือเป็นตลาดที่มีความต้องการบริโภคกระดาษคราฟท์มากที่สุดในโลก หรือเกือบครึ่งหนึ่งของโลก และเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิคที่ไม่รวมประเทศจีน ก็มีความต้องการมากถึง 30 ล้านตันต่อปี และมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ 4 % ต่อปี ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดกระดาษคราฟท์มาตั้งแต่ปี 2562 โดยมีการลงทุนสร้างโรงเยื่อ RECYCLE PULP (RCP) แห่งใหม่ขึ้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยงบลงทุน 1,000 ล้านบาท มีการเดินเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว และได้ปรับกระบวนการผลิตของโรงกระดาษที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงโรงกระดาษ 1 ที่จังหวัดปราจีนบุรี มาผลิตกระดาษคราฟท์ กำลังการผลิตอยู่ที่ 250,000 ตันต่อปี และมีผลิตภัณฑ์แรกที่พร้อมจำหน่ายแล้ว คือ กระดาษคราฟท์เพื่อทำลอนกล่องลูกฟูก CORRUGATED MEDIUM (CM) สำหรับการทำตลาดกระดาษคราฟท์นั้น ดั๊บเบิ้ล เอ วางแผนทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มจากประเทศในแถบเอเชียก่อน โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการที่ดั๊บเบิ้ล เอ มีเครือข่ายการตลาดทั่วโลก นอกจากนี้ กำลังการผลิตส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานกล่องกระดาษของดั๊บเบิ้ล เอ ด้วย เพื่อทดแทนการใช้วัตถุดิบจากภายนอก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับดั๊บเบิ้ล เอ ได้ไม่น้อยกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท และช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของดั๊บเบิ้ล เอ มากขึ้น เนื่องจากตลาดกระดาษเพื่อบรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ปัจจุบัน ดั๊บเบิ้ล เอ มีผลิตภัณฑ์หลัก คือ เยื่อกระดาษใยสั้น กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษสำนักงาน และผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มกระดาษ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มทั่วไป ได้แก่ ปากกา ปากกาเน้นข้อความ ปากกาลบคำผิด เครื่องเย็บกระดาษ กระเป๋าผ้า ซึ่งมีการจำหน่ายในทุกช่องทาง รวมทั้งช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ delivery.doubleapaper.com ซึ่งบริการเดลิเวอรี่ส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานในยุค New Normal สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียดของผลิตภัณฑ์กระดาษคราฟท์ สามารถสอบถามและสั่งซื้อได้ที่โทร.085 835 3794 (สำหรับลูกค้าในประเทศ) และโทร.085 835 4098 (สำหรับลูกค้าต่างประเทศ)

ดั๊บเบิ้ล เอ สร้างปรากฏการณ์สุดเจ๋งใน MV วง OK GO ตอกย้ำกระดาษคุณภาพที่ผู้ใช้ทั่วโลกไว้วางใจ

ปรากฏการณ์ใหม่ระดับโลกเมื่อดั๊บเบิ้ล เอจับมือกับศิลปินวง OK GO วงดนตรีสุดครีเอท แนวอัลเทอร์เนทีฟร็อก จากสหรัฐอเมริกา ที่มีผลงานเพลงและมิวสิค วิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางสร้างเซอร์ไพร์สให้กับแฟนเพลงทั่วโลกอีกครั้ง ในมิวสิควิดีโอเพลง Obsession ด้วยเทคนิค Paper Mapping เป็นครั้งแรกของโลก โชว์คุณภาพดั๊บเบิ้ล เอ ที่ส่งออกไปแล้วกว่า 130 ประเทศ โดยศิลปิน OK GO ได้สัมผัสถึงความเรียบลื่นและคุณสมบัติเด่นของกระดาษดั๊บเบิ้ล เอที่ สามารถพรินต์ออกมาโดยไร้อุปสรรคใดๆ จนเกิดแรงบันดาลใจ“OBSESSION for Smoothness” ในการนำมาสร้างสรรค์ฉากอลังการที่น่าตื่นตาตื่นใจในมิวสิควิดีโอชุดนี้ ซึ่งดั๊บเบิ้ล เอ เห็นถึงความเป็นสากลของดนตรีและความคิดสร้างสรรค์ของวง OK GO ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ๆ สื่อสารภาพลักษณ์ ที่เฟรชขึ้น สนุกขึ้น แต่ยังคงหนักแน่นในเรื่องคุณภาพสินค้าที่ทุกคนไว้วางใจ

ดั๊บเบิ้ล เอ ส่งเสริมรักการอ่าน โครงการ " สื่อทำมือ หนังสือหน้าสอง "

โครงการ " สื่อทำมือ หนังสือหน้าสอง " เพราะเป็นองค์กรที่ส่งเสริมด้านสังคมรักการอ่านมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ดั๊บเบิ้ล เอ ไม่หยุดยั้งที่จะเดินหน้า ส่งเสริมโครงการดีๆ ที่จะกระตุ้นให้เด็กไทยหันมาใส่ใจและรักการอ่านหนังสือเพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุด ดั๊บเบิ้ล เอ ได้ร่วมกับโรงเรียนบางบ่อพิทยาคม และโรงเรียนคลองบางกะสี 2 โรงเรียนที่มีความคิดสร้างสรรค์ของ จ.สมุทรปราการ จัดทำโครงการ "สื่อทำมือ หนังสือหน้าสอง" ด้วยการนำกระดาษถ่ายเอกสารที่ใช้แล้วด้านเดียว มาทำหนังสือหน้าสองให้เป็นหนังสือที่น่าอ่าน น่าติดตาม และที่สำคัญน้องๆ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง สำหรับโครงการ " สื่อทำมือ หนังสือหน้าสอง " มีที่มาที่ไปอย่างไร วันนี้ อาจารย์นางภาวนา มีกลิ่นหอม อาจารย์โรงเรียนคลองบางกะสี จ.สมุทรปราการ ได้เล่าให้ฟังว่า โรงเรียนได้จัดทำโครงการ " สื่อทำมือ หนังสือหน้าสอง " มาตั้งแต่ปี 2546 โดยทางโรงเรียนมองว่าในแต่ละวันเราใช้กระดาษถ่ายเอกสารเป็นจำนวนมาก และส่วน-ใหญ่เป็นการใช้กระดาษเพียงหน้าเดียว ส่วนอีกหน้าที่เหลือไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลืองแล้ว ยังเป็นการเพิ่มปริมาณขยะอีกด้วย ดังนั้นทางโรงเรียนจึงเกิดแนวคิดในการนำกระดาษอีก 1 หน้าที่เหลืออยู่มาทำให้เกิดประโยชน์ จึงนำกระดาษที่เหลือมาทำหนังสือในรูปแบบของหนังสือทำมือ โดยนำไปสอดแทรกในวิชาศิลปะเพื่อให้เด็กๆได้เกิดแนวคิดสร้างสรรค์ และยังเป็นการช่วยลดปริมาณขยะ รวมทั้งช่วยส่งเสริมให้น้องๆ ในโรงเรียนหันมาสนใจการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นอีกด้วย จนได้รับรางวัลโรงเรียนส่งเสริมนิสัยรักการอ่านจาก สพฐ. ในปี 2546 โดยรูปแบบของสื่อทำมือ หนังสือหน้าสอง จะเน้นการนำเรื่องราวต่างๆที่เป็นความรู้ ไม่ว่าจะเป็น นิทาน การละ-เล่น ขนบธรรมเนียมประเพณี ชื่อสัตว์ ชื่อผลไม้ คำศัพท์ต่างๆ มาประกอบรูปภาพ และจัดทำให้หนังสือมีรูปลักษณ์ที่น่าสนใจดึงดูดอยากหยิบมาอ่าน เช่น หนังสือ POP-UP หนังสือยืด หนังสือหน้าเดียว หนังสือกล่อง หนังสือโคม เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งเสริมรักการอ่านแล้ว ยังทำให้เด็กนักเรียนได้มีความคิดสร้างสรรค์ มีความอดทน รู้จักวิเคราะห์และจับประเด็นให้เนื้อหาอยู่ในหน้ากระดาษที่จำกัดได้ โดยไม่ละทิ้งใจความสำคัญ และยังทำให้เกิดความภาคภูมิใจในผลงานอีกด้วย ส่วนโรงเรียนบางบ่อพิทยาคม ได้นำโครงการผลิตสื่อหนังสือทำมือสอดแทรกในวิชาภาษาไทย โดยให้นักเรียนทำหนังสือทำมือให้รุ่นน้องและเพื่อนในโรงเรียนได้อ่าน จัดเป็นมุมหนังสือต่างๆ ทั่วโรงเรียน และทุกห้องเรียนจะต้องมีมุมหนังสือ เพื่อให้เด็กๆได้สร้างนิสัยรักการอ่านให้เป็นกิจวัตรติดตัวไปจนโต โดยความโดดเด่นของหนังสือทำมือของโรงเรียนจะนำเนื้อหาที่ส่วนใหญ่จะเป็นความรู้ในท้องถิ่นของอำเภอบางบ่อ เช่น การละเล่นท้องถิ่นของบางบ่อที่เรียกว่า "ผะหมี" (โจ๊ก) เป็นร้อยกรองปริศนาให้ทายกัน ซึ่งเป็นการละเล่นที่นับวันจะค่อยๆ สูญหายไปจากอำเภอหากไม่มีการสืบทอดกันไว้ สำหรับการละเล่น "ผะหมี" อาจารย์ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า น้องๆ จะนำเนื้อหาต่างๆ มาแต่งเป็นร้อยกรอง ปริศนาคำทาย ตัวอย่างเช่น พระ หนึ่งชำนาญด้าน ดนตรี (คำตอบ พระอภัยมณี) พระ หนึ่งหลงสาวศรี พี่น้อง (คำตอบ พระลอ) พระ หนึ่งวุ่นราวี ดึงนุช มานา คำตอบ พระราม) พระ หนึ่งโปรยทานก้อง ส่ำสร้างผลบุญ (คำตอบ พระเวสสันดร) ซึ่งนอกจากจะสร้างความรู้และความคิดสร้างสรรค์ให้กับคนทำและคนทายแล้ว ยังสร้างความสนุกสนานและความสามัคคีให้เกิดขึ้นในกลุ่มของนักเรียนในโรงเรียน ส่งผลให้ได้รับรางวัลโรงเรียนส่งเสริมนิสัยรักการอ่านจาก สพฐ. ในปี 2548 โดยในเรื่องนี้ "น้องชนะพล ปานสมบัติ" นักเรียนชั้น ม.5 รร.บางบ่อพิทยาคม ได้เล่าให้ฟังว่า "โครงการดังกล่าวมีส่วนช่วยส่งเสริมรักการอ่านได้มาก เพราะมีรูปแบบและสีสันที่สวยงามน่าสนใจ ซึ่งที่ผ่านมานักเรียนในโรงเรียนก็ให้ความสนใจ มีการสอนการทำให้กับรุ่นน้องๆ ด้วย เพราะม.4-ม.6 จะจัดทำให้น้องๆ ม.ต้นได้อ่าน ซึ่งผมจะชอบเนื้อหาเป็นเรื่องเอกลักษณ์ไทย เพราะส่วนใหญ่รุ่นหลังไม่ค่อยรู้จัก เช่น ขนมไทย วรรณคดีไทย ประวัติศาสตร์ และเนื้อหาธรรมะ เพราะปัจจุบันคนเรามีความเครียดมาก ถ้าได้อ่านหนังสือธรรมะก็ช่วยให้จิตใจดีขึ้น" โครงการดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นการเริ่มต้นสร้างสรรค์จากผลงานภายในโรงเรียน แต่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่หลายๆ โรงเรียนสามารถนำมาเป็นต้นแบบในการนำไปปฏิบัติได้ เพราะนอกจากจะเป็นการส่งเสริมให้เด็กไทยได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์แล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้น้องๆรักการอ่านเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังถือเป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย

ดั๊บเบิ้ล เอ ประกาศเปิดจองหุ้นกู้ 8-10 มิ.ย.นี้ อัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี

หลังจากที่ดั๊บเบิ้ล เอ ได้ประกาศเลื่อนวันเปิดจองหุ้นกู้ จากกำหนดเดิม 24-26 พ.ค. ออกไปนั้น ขณะนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ พร้อมประกาศเปิดจองหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ย 6% อายุ 3 ปี เป็นวันที่ 8-10 มิถุนายน 2553 ผ่านธนาคารกรุงไทย และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระดาษ "ดั๊บเบิ้ล เอ" ซึ่งมีตลาดส่งออกทั่วโลก เปิดเผยว่า หลังจากสถานการณ์บ้านเมืองเริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะสงบแล้ว ดั๊บเบิ้ล เอ พร้อมประกาศเปิดจองหุ้นกู้เป็นวันที่ 8-10 มิถุนายน 2553 ด้วยอัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี เป็นหุ้นกู้อายุ 3 ปี ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน วงเงินรวมไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2556 โดยผู้ออกหุ้นกู้สามารถไถ่ถอนได้ก่อนครบกำหนด