Follow us

ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ ชวนคนไทยหลบร้อนฟังธรรมให้สุขใจ ในงาน “กรุณาแห่งหัวใจ มอบธรรมให้เป็นทาน”

         ท่ามกลางองศาทางการเมือง และอากาศที่ร้อนระอุในขณะนี้ อาจทำให้ใครหลายคนเกิดอาการหงุดหงิดใจได้ง่ายๆ แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันไม่มีความสุข แต่ในอีกมุมหนึ่งยังมีพุทธศาสนิกชนที่หลบร้อนมาพึ่งเย็นด้วยการร่วมฟังการเสวนาธรรมกับ พระอาจารย์สมพงษ์ รตนวํโส และ

พระครูวินัยธรชาติ กิตฺติธโร จากทีมงานธรรมะเดลิเวอรี่ของพระมหาสมปอง ในกิจกรรมเสวนาธรรม “กรุณาแห่งหัวใจ มอบธรรมให้เป็นทาน” กับแง่คิดดีๆในหัวข้อ “เริ่มต้นวันใหม่กับเคล็ดลับสร้างความสุข” ซึ่งเป็นกิจกรรมดีๆ ที่ ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ ร่วมกับสแน็คแจ๊ค , ELITE training Institude , NED Nation Edutainment และสำนักพิมพ์เอ็มไอเอส จัดขึ้นเพื่อเสริมมงคลชีวิตให้กับคนไทย และร่วมทำบุญถวายสังฆทานหนังสือในช่วงวันขึ้นปีใหม่ไทยที่กำลังจะมาถึง นับเป็นกิจกรรมหนึ่งภายในงานสัปดาห์หนังสือที่ ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาว-เวอร์ จัดขึ้น

        เมื่อบรรยากาศเป็นใจและเหล่าพุทธศาสนิกชนที่มารอฟังการเสวนาธรรมพร้อมการบรรยายธรรมจากพระนักเทศน์ทั้ง 2 รูป ก็เริ่มขึ้น “แผ่นดินธรรมนำใจให้ไร้ทุกข์ แผ่นดินทองพากายสุขไร้ทุกข์เข็ญ แผ่นดินเพชร

มีความเด็ด คือร่วมเย็น เพราะว่าเป็นแผ่นดินไทยไม่ไร้ธรรม เมื่อไม่ได้พัฒนาที่จิตใจ จะพัฒนาด้านใดก็ไร้ผล การพัฒนาจึงเริ่มที่ใจคน เพื่อเป็นผลพัฒนาที่ถาวร” บทกลอนสอนใจดังกล่าวถือเป็นบทกลอนที่เปิดบทเสวนาธรรมเพื่อแสดงให้เห็นว่าความสุขที่จะเกิดขึ้นกับคนเรานั้นไม่ได้หาได้จากที่ไหน แต่หาได้จากใจของเราเอง โดยพระครูฯทั้ง 2 รูป ได้สอดแทรกหลักธรรมะพร้อมยกตัวอย่าง อย่างสนุกสนานตลอดระยะเวลากว่า 1 ชั่วโมง ตามสไตล์ธรรมะเดลิเวอรี่ ทำให้การบรรยายธรรมะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออย่างที่หลายๆ คนคิด 

 

        นอกจากนี้ท่านยังกล่าวย้ำด้วยว่า คนที่มีความสุขไม่ได้หมายความว่าเป็นคนไม่มีปัญหา แต่คนมีความสุขคือคนที่สามารถจัดการปัญหาของตนเองได้ โดยวิธีแสวงหาความสุขอาจจะต่างกันแต่เป้าหมายเดียวกันคือ ทุกคนอยากมีความสุข  ดังนั้นในแต่ละวันที่เราใช้ชีวิต ทุกคนควรจะตื่นมาพร้อมกับความสุข ด้วยวิธีง่ายๆ ที่เริ่มจากตัวเอง คือ คิดดี พูดดี ทำดี ขาก้าวออกไป เพื่อทำความดี เพราะการทำความดี ทำให้เกิดความสุข และเมื่อความสุขเริ่มต้นจากใจเรา ความสุขก็จะแพร่ไปสู่ครอบครัว และเมื่อครอบครัวมีความสุข สังคมรอบข้างเราก็จะมีความสุข ดังคำกลอนที่ว่า “ความร่าเริง บันเทิงใจ เป็นกำไรชีวิต วันไหนหงุดหงิด ชีวิตขาดทุน” ซึ่งเวลาชีวิตของคนเรามีน้อย ใช้สอยอย่างมีคุณค่า ถ้า 1 ปี เท่ากับ 1 วัน เราเองก็มีอายุอีกไม่กี่วันก็ตาย เพราะฉะนั้นเวลาที่เหลือเราควรทำความดี และทำชีวิตของเราให้มีความสุข

       และสิ่งที่สำคัญที่จะอยู่ควบคู่กับความสุข คือ การให้ โดยเฉพาะการให้อภัย ซึ่งหากคนเรารู้จักให้อภัย รู้จักปล่อยวาง ไม่เก็บทุกอย่างมาเป็นอารมณ์เพื่อบั่นทอนจิตใจตัวเอง ก็จะทำให้จิตใจของเราสงบ และการรู้จักเป็นผู้ให้นั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และเป็นเรื่องที่สำคัญของชีวิต เพราะผู้ให้จะเป็นคนที่มีเกียรติกว่าผู้รับเสมอ โดยท่านได้กล่าวถึงปริศนาธรรมง่ายๆ แต่ให้ข้อคิดว่าให้เรานึกถึงตอนที่เราเป็นเด็กกับตอนที่เราตาย ว่า

 

        “เด็กเวลาเกิดมาใหม่ๆจะกำมือ โดยเป็นสัญลักษณ์ของการอยากได้อยากจะกอบโกยทั้งความรัก การดูแล เอาใจใส่จากพ่อแม่ แต่พอตายไป ตอนรดน้ำศพ ก็นอนแบมือ โดยไม่สามารถเอาอะไรไปได้ จะมีก็แต่ความดีที่จะอยู่ติดตัวเราไป ดังนั้นในระหว่างที่เรามีชีวิตอยู่ เราก็ต้องหมั่นทำความดี ทำจิตใจให้ดี คิดดี พูดดี ทำดี แล้วเราก็พบความสุขที่หาได้ง่ายๆจากใจของเราเอง เพราะสุดท้ายเราก็เอาอะไรไม่ได้เลย” ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้เป็นเพียงคำสอนบางช่วงบางตอนที่พระอาจารย์ทั้ง 2 ท่านได้นำมาบอกกล่าวญาติโยมที่มาร่วมฟังเท่านั้น

        หลังจากการบรรยายธรรมจบลง ก็ถึงเวลาที่เหล่าพุทธศาสนิกชนจะได้ร่วมทำบุญถวายสังฆทานด้วยชุดสังฆทานหนังสือ และเครื่องเขียนจากดั๊บเบิ้ล เอ เพื่อนำไปมอบให้กับพระและเณร ในการศึกษาธรรม นอกนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ยังได้ตั้งกล่องรับบริจาคเงินเพื่อเป็นกองทุนให้กับทีมงานธรรมะเดลิเวอรี่จูเนียร์ เพื่อใช้ในการอบรมธรรมะให้กับทายาทรุ่นใหม่ ให้สามารถออกไปเผยแพร่ธรรมให้กับพุทธศาสนิกชนทุกคน โดยผู้ที่อยากมีส่วนร่วมสานต่อหลักธรรมของพระพุทธศาสนา สามารถร่วมบริจาคได้ที่ตึกดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ บนถนนสาทร 12  ในงานสัปดาห์หนังสือซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 11 เม.ย.53 นอกจากจะได้ทำบุญร่วมกันแล้ว ยังมีการนำหนังสือดีๆ จากสำนักพิมพ์ต่างๆ มาลดราคาตั้งแต่ 15-70 % ทุกชั้น ทุกโซน 

ข่าวประชาสัมพันธ์

Double A ร่วมสนับสนุนงาน World Expo 2020 Dubai ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลสู่สายตาทั่วโลก

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกิจกรรม “Thailand Pavilion Launch & Networking Reception” ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) งาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 มหกรรมงานระดับโลก ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 -31 มีนาคม 2565 ณ เมืองดูไบ เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่น ส่งเสริม และสร้างโอกาสใหม่สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยผ่านการลงทุน การค้า สู่สายตาประชาคมโลก โดยมี นายวราวุธ ภู่อภิญญา (คนกลาง) เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรม ณ โรงแรมดุสิตธานี ดูไบ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัว “กระดาษคราฟท์” พร้อมจำหน่าย รองรับตลาดอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “กระดาษคราฟท์” เพื่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ กำลังการผลิต 250,000 ตันต่อปี พร้อมทำการตลาดและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ 3,000 ล้านบาทต่อปี นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดเผยว่า ความต้องการกระดาษคราฟท์ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกมีประมาณ 164 ล้านตันต่อปี และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเฉลี่ยประมาณปีละ 2.5 % โดยตลาดในแถบเอเชียแปซิฟิค ถือเป็นตลาดที่มีความต้องการบริโภคกระดาษคราฟท์มากที่สุดในโลก หรือเกือบครึ่งหนึ่งของโลก และเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิคที่ไม่รวมประเทศจีน ก็มีความต้องการมากถึง 30 ล้านตันต่อปี และมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ 4 % ต่อปี ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดกระดาษคราฟท์มาตั้งแต่ปี 2562 โดยมีการลงทุนสร้างโรงเยื่อ RECYCLE PULP (RCP) แห่งใหม่ขึ้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยงบลงทุน 1,000 ล้านบาท มีการเดินเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว และได้ปรับกระบวนการผลิตของโรงกระดาษที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงโรงกระดาษ 1 ที่จังหวัดปราจีนบุรี มาผลิตกระดาษคราฟท์ กำลังการผลิตอยู่ที่ 250,000 ตันต่อปี และมีผลิตภัณฑ์แรกที่พร้อมจำหน่ายแล้ว คือ กระดาษคราฟท์เพื่อทำลอนกล่องลูกฟูก CORRUGATED MEDIUM (CM) สำหรับการทำตลาดกระดาษคราฟท์นั้น ดั๊บเบิ้ล เอ วางแผนทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มจากประเทศในแถบเอเชียก่อน โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการที่ดั๊บเบิ้ล เอ มีเครือข่ายการตลาดทั่วโลก นอกจากนี้ กำลังการผลิตส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานกล่องกระดาษของดั๊บเบิ้ล เอ ด้วย เพื่อทดแทนการใช้วัตถุดิบจากภายนอก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับดั๊บเบิ้ล เอ ได้ไม่น้อยกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท และช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของดั๊บเบิ้ล เอ มากขึ้น เนื่องจากตลาดกระดาษเพื่อบรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ปัจจุบัน ดั๊บเบิ้ล เอ มีผลิตภัณฑ์หลัก คือ เยื่อกระดาษใยสั้น กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษสำนักงาน และผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มกระดาษ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มทั่วไป ได้แก่ ปากกา ปากกาเน้นข้อความ ปากกาลบคำผิด เครื่องเย็บกระดาษ กระเป๋าผ้า ซึ่งมีการจำหน่ายในทุกช่องทาง รวมทั้งช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ delivery.doubleapaper.com ซึ่งบริการเดลิเวอรี่ส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานในยุค New Normal สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียดของผลิตภัณฑ์กระดาษคราฟท์ สามารถสอบถามและสั่งซื้อได้ที่โทร.085 835 3794 (สำหรับลูกค้าในประเทศ) และโทร.085 835 4098 (สำหรับลูกค้าต่างประเทศ)

ดั๊บเบิ้ล เอ สร้างปรากฏการณ์สุดเจ๋งใน MV วง OK GO ตอกย้ำกระดาษคุณภาพที่ผู้ใช้ทั่วโลกไว้วางใจ

ปรากฏการณ์ใหม่ระดับโลกเมื่อดั๊บเบิ้ล เอจับมือกับศิลปินวง OK GO วงดนตรีสุดครีเอท แนวอัลเทอร์เนทีฟร็อก จากสหรัฐอเมริกา ที่มีผลงานเพลงและมิวสิค วิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางสร้างเซอร์ไพร์สให้กับแฟนเพลงทั่วโลกอีกครั้ง ในมิวสิควิดีโอเพลง Obsession ด้วยเทคนิค Paper Mapping เป็นครั้งแรกของโลก โชว์คุณภาพดั๊บเบิ้ล เอ ที่ส่งออกไปแล้วกว่า 130 ประเทศ โดยศิลปิน OK GO ได้สัมผัสถึงความเรียบลื่นและคุณสมบัติเด่นของกระดาษดั๊บเบิ้ล เอที่ สามารถพรินต์ออกมาโดยไร้อุปสรรคใดๆ จนเกิดแรงบันดาลใจ“OBSESSION for Smoothness” ในการนำมาสร้างสรรค์ฉากอลังการที่น่าตื่นตาตื่นใจในมิวสิควิดีโอชุดนี้ ซึ่งดั๊บเบิ้ล เอ เห็นถึงความเป็นสากลของดนตรีและความคิดสร้างสรรค์ของวง OK GO ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ๆ สื่อสารภาพลักษณ์ ที่เฟรชขึ้น สนุกขึ้น แต่ยังคงหนักแน่นในเรื่องคุณภาพสินค้าที่ทุกคนไว้วางใจ

ดั๊บเบิ้ล เอ จัดกิจกรรม A to a “Young Smart Farmer เกษตรกรยุค 4.0 หัวใจพอเพียง”

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ พาน้องๆ จากโรงเรียนบ้านเขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา ร่วมกิจกรรม A to a ปลูกฝัน ปลูกปัญญา ตอน Young Smart Farmer เกษตรกรยุค 4.0 หัวใจพอเพียง ณ ธำรงค์ฟาร์ม จ.นครนายก โดยมีคุณจอย วรวรรณ ธำรงวรางกูร เกษตรกรสาวดีกรีปริญญาโทด้านการตลาดจากประเทศอังกฤษ และคุณบ๊วย ศรัณย์ธร ธำรงวรางกูร ผู้พลิกฟื้นผืนดินว่างเปล่าให้เป็นฟาร์มออร์แกนิคแบบประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในยุค 4.0 มาเป็นผู้ถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับน้อง ๆ พร้อมนำชมฟาร์ม และสอนเทคนิคการปลูกผักออร์แกนิค และทำน้ำสมูทตี้เพื่อสุขภาพจากวัตถุดิบของฟาร์มในแบบของตัวเอง นอกจากนี้ ยังได้เข้าชมฟาร์มเห็ดนางฟ้าภูฐาน รู้จักวิธีการเพาะและโรงเรือนเพาะเห็ดอีกด้วย สำหรับกิจกรรม A to a ถือเป็นหนึ่งในโครงการ Double A Better Tomorrow ปลูกฝัน ปลูกปัญญา ที่ชวนพี่ๆทุกอาชีพมาร่วมเติมฝัน ปันประสบการณ์ให้กับน้องๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน ลูกหลานชาวนามีเป้าหมายสู่อาชีพในฝัน สามารถติดตามคลิปพี่ A อาชีพต่างๆได้ที่ Youtube Double A Thailand

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับคณะนักเรียน โรงเรียนสตรีวัดระฆัง

ดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษจากคันนา เปิดบ้านต้อนรับคณะครู และน้องๆ นักเรียนจากโรงเรียนสตรีวัดระฆัง เข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิตกระดาษที่เลือกใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อให้น้องๆ ได้มีประสบการณ์จากการเรียนรู้นอกห้องเรียน ได้ทราบขั้นตอน และแหล่งที่มาของกระดาษคุณภาพ ที่ผลิตมาจากต้นกระดาษบนคันนาของเกษตรกรไทย ช่วยสร้างรายได้เสริมและลดโลกร้อน โดยกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ 1 รีม ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 12.5 กิโลกรัม ผ่านการนำเสนอด้วยภาพยนตร์ระบบ 4 มิติ ณ โรงงานดั๊บเบิ้ล เอ จ.ปราจีนบุรี

คณะวนศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ เยี่ยมชมดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษจากคันนา

ดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษจากคันนา เปิดบ้านต้อนรับคณะนิสิต สาขาวิชาเทคโนโลยีเยื่อและกระดาษ ภาควิชาวนผลิตภัณฑ์ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน เข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิตเยื่อและกระดาษที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเข้าใจโมเดล “กระดาษจากคันนา” ที่ช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรที่ปลูกต้นกระดาษบนคันนาว่างเปล่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ และเพิ่มพื้นที่สีเขียว ช่วยลดโลกร้อน พร้อมทั้งรู้จักแนวคิดการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า “ทำของเสีย ไม่ให้เสียของ” โดยนำของเหลือใช้จากการผลิตเยื่อและกระดาษ เช่น เปลือกไม้ เศษไม้ น้ำมันยางไม้ มาเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองภายในกลุ่มโรงงาน ผ่านการนำเสนอด้วยภาพยนตร์ระบบ 4 มิติ ณ โรงงานดั๊บเบิ้ล เอ จ.ปราจีนบุรี

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับคณะนักศึกษาวปส.รุ่นที่ 7

บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษจากคันนา เปิดบ้านต้อนรับนักศึกษาหลักสูตรวิทยาการประกันภัยระดับสูง (วปส.) รุ่นที่ 7 จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยมีคุณโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวต้อนรับ และจัดให้มีการบรรยาย เรื่อง "ระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัท” ณ โรงแรมทวาราวดี รีสอร์ท พร้อมนำคณะเข้าชมกระบวนการผลิตเยื่อและกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ และชมภาพยนตร์ 4 มิติ เพื่อเรียนรู้โมเดล “กระดาษจากคันนามาตรฐานใหม่ของโลกในการผลิตกระดาษที่เป็นมิตรกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม ช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรกว่า 1.5 ล้านราย ในการปลูกต้นกระดาษบนคันนา หรือตามพื้นที่ว่างทางการเกษตรที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ และช่วยลดโลกร้อน เพราะกระดาษจากคันนาของดั๊บเบิ้ล เอ ทุก ๆ 1 รีม จะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากบรรยากาศได้ถึง 12.5 กิโลกรัม รวมทั้งยังได้ร่วมเรียนรู้แนวคิดการ “ทำของเสีย ไม่ให้เสียของ” ด้วยการใช้ประโยชน์ของเหลือจากกระบวนการผลิต อาทิ เศษไม้ เปลือกไม้ น้ำมันยางไม้ มาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าชีวมวล เป็นพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน เพื่อรองรับใช้ไฟฟ้าภายในโรงงานเอง และยังเหลือพอกระจายสู่ชุมชนได้อีกกว่า 400,000 ครัวเรือน นอกจากนี้ยังได้เปิดให้ชมห้องควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ตลอด 24 ชม. ที่อาคารสเปซโดม และเข้าชมกระบวนการผลิตกระดาษคุณภาพสูงภายในโรงผลิตกระดาษที่ 3 เพื่อสัมผัสกระดาษม้วนใหญ่ ขนาด 5.28 เมตร น้ำหนัก 33-35 ตัน และชมการแปรรูปกระดาษรีมเล็ก ซึ่งทุกขั้นตอนการผลิตจะถูกควบคุมคุณภาพ เพื่อให้กระดาษทุกแผ่นของดั๊บเบิ้ล เอ มีคุณภาพสูงสม่ำเสมอส่งออกไปทั่วโลกตามคำกล่าวที่ว่า “Double A, Double Quality Paper”

ดั๊บเบิ้ล เอ จัดกิจกรรม A to a พาน้องเรียนรู้อาชีพ “Young Smart Farmer 4.0”

คงปฎิเสธไม่ได้ว่า ยุคสมัยนี้ได้พัฒนาเทคโนโลยี เกิดนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อตอบโจทย์การดำเนินชีวิตของมนุษย์ให้มีความสะดวกสบาย รวดเร็ว ทันสมัย รวมทั้งนโยบายภาครัฐเองก็ยังส่งเสริมให้ประเทศไทยมุ่งสู่ยุคดิจิทัล 4.0 นำพาประเทศให้เจริญรุดหน้าเทียบกับนานาประเทศเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่การเกษตร ที่ถือเป็นรากฐานการประกอบอาชีพที่สำคัญของประเทศ ยังมีการค้นคว้าวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยคนรุ่นใหม่ทั้งลูกหลานชาวนา เกษตรกรหรือผู้จบการศึกษาต่างก็ก้าวสู่อาชีพนี้ด้วยรูปแบบการเกษตรยุคใหม่ หรือที่รู้จักกันว่า Young Smart Farmer