ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ ชวนคนไทยหลบร้อนฟังธรรมให้สุขใจ ในงาน “กรุณาแห่งหัวใจ มอบธรรมให้เป็นทาน”
ท่ามกลางองศาทางการเมือง และอากาศที่ร้อนระอุในขณะนี้ อาจทำให้ใครหลายคนเกิดอาการหงุดหงิดใจได้ง่ายๆ แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันไม่มีความสุข แต่ในอีกมุมหนึ่งยังมีพุทธศาสนิกชนที่หลบร้อนมาพึ่งเย็นด้วยการร่วมฟังการเสวนาธรรมกับ พระอาจารย์สมพงษ์ รตนวํโส และ
พระครูวินัยธรชาติ กิตฺติธโร จากทีมงานธรรมะเดลิเวอรี่ของพระมหาสมปอง ในกิจกรรมเสวนาธรรม “กรุณาแห่งหัวใจ มอบธรรมให้เป็นทาน” กับแง่คิดดีๆในหัวข้อ “เริ่มต้นวันใหม่กับเคล็ดลับสร้างความสุข” ซึ่งเป็นกิจกรรมดีๆ ที่ ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ ร่วมกับสแน็คแจ๊ค , ELITE training Institude , NED Nation Edutainment และสำนักพิมพ์เอ็มไอเอส จัดขึ้นเพื่อเสริมมงคลชีวิตให้กับคนไทย และร่วมทำบุญถวายสังฆทานหนังสือในช่วงวันขึ้นปีใหม่ไทยที่กำลังจะมาถึง นับเป็นกิจกรรมหนึ่งภายในงานสัปดาห์หนังสือที่ ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาว-เวอร์ จัดขึ้น
เมื่อบรรยากาศเป็นใจและเหล่าพุทธศาสนิกชนที่มารอฟังการเสวนาธรรมพร้อมการบรรยายธรรมจากพระนักเทศน์ทั้ง 2 รูป ก็เริ่มขึ้น “แผ่นดินธรรมนำใจให้ไร้ทุกข์ แผ่นดินทองพากายสุขไร้ทุกข์เข็ญ แผ่นดินเพชร
มีความเด็ด คือร่วมเย็น เพราะว่าเป็นแผ่นดินไทยไม่ไร้ธรรม เมื่อไม่ได้พัฒนาที่จิตใจ จะพัฒนาด้านใดก็ไร้ผล การพัฒนาจึงเริ่มที่ใจคน เพื่อเป็นผลพัฒนาที่ถาวร” บทกลอนสอนใจดังกล่าวถือเป็นบทกลอนที่เปิดบทเสวนาธรรมเพื่อแสดงให้เห็นว่าความสุขที่จะเกิดขึ้นกับคนเรานั้นไม่ได้หาได้จากที่ไหน แต่หาได้จากใจของเราเอง โดยพระครูฯทั้ง 2 รูป ได้สอดแทรกหลักธรรมะพร้อมยกตัวอย่าง อย่างสนุกสนานตลอดระยะเวลากว่า 1 ชั่วโมง ตามสไตล์ธรรมะเดลิเวอรี่ ทำให้การบรรยายธรรมะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออย่างที่หลายๆ คนคิด
นอกจากนี้ท่านยังกล่าวย้ำด้วยว่า คนที่มีความสุขไม่ได้หมายความว่าเป็นคนไม่มีปัญหา แต่คนมีความสุขคือคนที่สามารถจัดการปัญหาของตนเองได้ โดยวิธีแสวงหาความสุขอาจจะต่างกันแต่เป้าหมายเดียวกันคือ ทุกคนอยากมีความสุข ดังนั้นในแต่ละวันที่เราใช้ชีวิต ทุกคนควรจะตื่นมาพร้อมกับความสุข ด้วยวิธีง่ายๆ ที่เริ่มจากตัวเอง คือ คิดดี พูดดี ทำดี ขาก้าวออกไป เพื่อทำความดี เพราะการทำความดี ทำให้เกิดความสุข และเมื่อความสุขเริ่มต้นจากใจเรา ความสุขก็จะแพร่ไปสู่ครอบครัว และเมื่อครอบครัวมีความสุข สังคมรอบข้างเราก็จะมีความสุข ดังคำกลอนที่ว่า “ความร่าเริง บันเทิงใจ เป็นกำไรชีวิต วันไหนหงุดหงิด ชีวิตขาดทุน” ซึ่งเวลาชีวิตของคนเรามีน้อย ใช้สอยอย่างมีคุณค่า ถ้า 1 ปี เท่ากับ 1 วัน เราเองก็มีอายุอีกไม่กี่วันก็ตาย เพราะฉะนั้นเวลาที่เหลือเราควรทำความดี และทำชีวิตของเราให้มีความสุข
และสิ่งที่สำคัญที่จะอยู่ควบคู่กับความสุข คือ การให้ โดยเฉพาะการให้อภัย ซึ่งหากคนเรารู้จักให้อภัย รู้จักปล่อยวาง ไม่เก็บทุกอย่างมาเป็นอารมณ์เพื่อบั่นทอนจิตใจตัวเอง ก็จะทำให้จิตใจของเราสงบ และการรู้จักเป็นผู้ให้นั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และเป็นเรื่องที่สำคัญของชีวิต เพราะผู้ให้จะเป็นคนที่มีเกียรติกว่าผู้รับเสมอ โดยท่านได้กล่าวถึงปริศนาธรรมง่ายๆ แต่ให้ข้อคิดว่าให้เรานึกถึงตอนที่เราเป็นเด็กกับตอนที่เราตาย ว่า
“เด็กเวลาเกิดมาใหม่ๆจะกำมือ โดยเป็นสัญลักษณ์ของการอยากได้อยากจะกอบโกยทั้งความรัก การดูแล เอาใจใส่จากพ่อแม่ แต่พอตายไป ตอนรดน้ำศพ ก็นอนแบมือ โดยไม่สามารถเอาอะไรไปได้ จะมีก็แต่ความดีที่จะอยู่ติดตัวเราไป ดังนั้นในระหว่างที่เรามีชีวิตอยู่ เราก็ต้องหมั่นทำความดี ทำจิตใจให้ดี คิดดี พูดดี ทำดี แล้วเราก็พบความสุขที่หาได้ง่ายๆจากใจของเราเอง เพราะสุดท้ายเราก็เอาอะไรไม่ได้เลย” ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้เป็นเพียงคำสอนบางช่วงบางตอนที่พระอาจารย์ทั้ง 2 ท่านได้นำมาบอกกล่าวญาติโยมที่มาร่วมฟังเท่านั้น
หลังจากการบรรยายธรรมจบลง ก็ถึงเวลาที่เหล่าพุทธศาสนิกชนจะได้ร่วมทำบุญถวายสังฆทานด้วยชุดสังฆทานหนังสือ และเครื่องเขียนจากดั๊บเบิ้ล เอ เพื่อนำไปมอบให้กับพระและเณร ในการศึกษาธรรม นอกนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ยังได้ตั้งกล่องรับบริจาคเงินเพื่อเป็นกองทุนให้กับทีมงานธรรมะเดลิเวอรี่จูเนียร์ เพื่อใช้ในการอบรมธรรมะให้กับทายาทรุ่นใหม่ ให้สามารถออกไปเผยแพร่ธรรมให้กับพุทธศาสนิกชนทุกคน โดยผู้ที่อยากมีส่วนร่วมสานต่อหลักธรรมของพระพุทธศาสนา สามารถร่วมบริจาคได้ที่ตึกดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ บนถนนสาทร 12 ในงานสัปดาห์หนังสือซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 11 เม.ย.53 นอกจากจะได้ทำบุญร่วมกันแล้ว ยังมีการนำหนังสือดีๆ จากสำนักพิมพ์ต่างๆ มาลดราคาตั้งแต่ 15-70 % ทุกชั้น ทุกโซน