โครงการปลูกต้นกระดาษ ปลูกปัญญาโรงเรียนในชนบท ปี 3 สร้างทุนการศึกษาและลดโลกร้อน ที่ จ.ลพบุรี
ทุกวันนี้ปัญหาภาวะโลกร้อนเริ่มที่จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และสิ่งที่เราเห็นได้บ่อยๆ ในขณะนี้คือ สภาพลมฟ้าอากาศที่ผิดแปลกไปจากเดิม ภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุที่รุนแรง อากาศที่ร้อนผิดปกติจนมีคนเสียชีวิตตามมา อย่างไรก็ตามการปลูกต้นไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ เพราะต้นไม้นั้นจะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป และคลายก๊าซออกซิเจนออกมา เปรียบเสมือนเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเราโดยแท้ แต่ทว่าปัจจุบันป่าไม้ถูกทำลายและมีจำนวนลดลงไปอย่างมาก ฉะนั้นถ้าเราทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้ ก็เหมือนกับช่วยเพิ่มเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเรา
หลังจากที่ดั๊บเบิ้ล เอ ได้ร่วมกับสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย, ธนาคารกรุงไทย, อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์และบริษัทสยามดนตรียามาฮ่า จำกัด เปิดรับสมัครโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ "ปลูกต้นกระดาษ ปลูกปัญญาโรงเรียนในชนบทปี 3" ซึ่งก็มีโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศสนใจสมัครเข้าร่วมจนครบ 80 โรงเรียน ตามเป้าหมายของโครงการ ในการมอบต้นกระดาษรวม 40,000 ต้น พร้อมหนังสือ ตู้หนังสือและเครื่องดนตรีอีก 80 ชุด เพื่อนำกล้าต้นกระดาษไปปลูกในพื้นที่ว่างของโรงเรียน เป็นทุนพัฒนาการศึกษา และมีส่วนช่วยลดโลกร้อนอีกด้วย
นอกจากนี้ ทางโครงการฯ ก็ได้จัดกิจกรรมมอบต้นกระดาษให้กับโรงเรียนที่เข้าร่วม ซึ่งครั้งนี้ ได้ไปทำกิจกรรมขึ้น ณ โรงเรียนวัดโคกโพธิกุญชร จ.ลพบุรี โดยมีนายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ พร้อมทีมงาน ร่วมกิจกรรมปลูกต้นกระดาษกับคณะครูและนักเรียน
นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ผู้ริเริ่มโครงการนี้ ได้กล่าวว่า "โครงการปลูกต้นกระดาษ ปลูกปัญญาโรงเรียนในชนบท" ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการนี้แล้วกว่า 160 โรงเรียนทั่วประเทศ และปลูกต้นไม้ไปแล้วรวม 80,000 ต้น โดยปีนี้นับเป็นครั้งที่ 3 โดยมีโรงเรียนวัดโคกโพธิกุญชร เป็นหนึ่งใน 80 โรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกเข้าโครงการปี 3 นี้ สำหรับโครงการฯ จะเป็นการมอบต้นกระดาษจำนวน 500 ต้นให้แต่ละโรงเรียน นำไปปลูกในพื้นที่ว่าง เพิ่มต้นไม้ให้ความร่มรื่น ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และลดโลกร้อน ซึ่งโรงเรียนในต่างจังหวัดจะมีพื้นที่ว่างค่อนข้างมากที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ อีกทั้ง เมื่อปลูกครบอายุ 3 ปี ก็สามารถขายไม้ให้กับดั๊บเบิ้ล เอ รายได้ก็จะเป็นทุนพัฒนาการศึกษาให้กับโรงเรียน ที่ผ่านมาดั๊บเบิ้ล เอ ก็ภูมิใจที่แต่ละโรงเรียนนำเงินที่ได้ตรงนี้ ไปเป็นทุนการศึกษา ทุนอาหารกลางวัน พัฒนาห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ สนามเด็กเล่น ให้กับเด็กๆ นักเรียนได้ศึกษาเล่าเรียนอย่างเต็มที่
และในปีนี้นอกเหนือจากต้นกระดาษที่ดั๊บเบิ้ล เอ สนับสนุนแล้ว ทางโครงการฯยังร่วมปลูกปัญญาให้กับเยาวชน โดยร่วมกับพันธมิตรได้แก่ ธนาคารกรุงไทย, อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ และบริษัทสยามดนตรียามาฮ่า จำกัด มอบหนังสือพร้อมตู้หนังสือ ซึ่งหนังสือในชุดนี้จะประกอบด้วยหนังสืออ่านนอกเวลาเด็กเล็ก หนังสือหมู่บ้านเล็กตระกูลเป้า (หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพฯ) สารานุกรมเรื่องต่างๆ และหนังสือคนเล่าเรื่องเมืองน่ารัก ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฯลฯ และเครื่องดนตรีให้กับโรงเรียน เพื่อส่งเสริมรักการอ่านและการเรียนรู้ให้กับเด็กไทย
ทั้งนี้ อาจารย์สมศักดิ์ ก้านลำใย อาจารย์ผู้ดูแลโครงการ ได้บอกว่า “โครงการปลูกต้นกระดาษ ปลูกปัญญาโรงเรียนในชนบทครั้งนี้ นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก ที่ได้เข้ามาช่วยสนับสนุนทุนพัฒนาการศึกษาโรงเรียนในชนบทอย่างโรงเรียนวัดโคกโพธิกุญชรนี้ ปัจจุบันโรงเรียนเราเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 และมีนักเรียนทั้งสิ้น 105 คน ภายใต้การดูแลของอาจารย์ 8 คน ซึ่งการสนับสนุนต้นกระดาษในครั้งนี้จะช่วยปลูกฝังให้เด็กรู้จักรักษ์ธรรมชาติ และเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับเด็กๆในการทำกิจกรรมร่วมกับบุลคลภายนอก นับว่าเป็นการปลูกปัญญาเด็กอย่างยั่งยืน”
กิจกรรมในวันนั้น พี่ๆทีมงานดั๊บเบิ้ล เอ ได้นำเกมส์ที่สอดแทรกจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมให้กับน้องๆ ร่วมสนุกกันแม้อากาศจะค่อนข้างร้อน แต่ทุกคนก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่ว่าจะเป็น เกมส์กะหล่ำปลี ที่ให้เด็กๆยืนเป็นวงกลม และช่วยกันร้องเพลงประกอบจังหวะ พร้อมกับส่งกะหล่ำปลี (ทำจากกระดาษห่อเป็นลูกกลมๆ) ไปรอบๆ เมื่อเพลงหยุด กะหล่ำปลีกระดาษอยู่ที่ใครก็ให้เปิดอ่านคำสั่งหรือตอบคำถามเกี่ยวกับลดโลกร้อน, เกมส์ปิดตาแต่งตัว โดยจำลองสถานการณ์ว่า ถ้าโลกนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้แล้ว การดำเนินชีวิตจะลำบากมากเพียงใด โดยให้เด็กๆแข่งกันแต่งตัว และเกมส์สุดท้ายวิ่งเปี้ยวแยกขยะ ที่ให้เด็กจับกลุ่มแบ่งตามสี และแข่งกันแยกขยะตามประเภท เช่นขยะเปียก ขยะแห้ง ขยะอันตราย และขยะรีไซเคิล
ด.ญ.จันทรามาส ผึ้งใหญ่ หรือ “น้องหลิว” นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้บอกว่า “หนูขอขอบคุณพี่ๆทุกคนมากเลยค่ะ ที่มาร่วมเล่นเกมและเอาหนังสือมามอบให้ เพราะหนูชอบอ่านหนังสือมากค่ะ การอ่านหนังสือทำให้หนูมีความรู้เพิ่มเติมตั้งหลายอย่าง แต่หนังสือที่นี่มีน้อย และไม่ค่อยมีคนมาบริจาคให้ค่ะ ทำให้พวกหนูไม่มีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มใหม่เท่าไรนัก ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้พี่ๆมาอีกค่ะ”
ด.ช. อำนาจ สีทาจันทร์ หรือ “น้องบอม” ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เช่นเดียวกัน กล่าวว่า “วันนี้ผมสนุกมากเลยครับ ที่พี่ๆเข้ามาเยี่ยมเยียนและเล่นเกมกับพวกเรา ซึ่งผมชอบเกมส์แยกขยะที่สุดครับ เพราะเป็นเกมส์ที่มีสาระและผมสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ตอนแรกผมก็งงว่า ขยะเปียกหมายถึงอะไร ถ้าเป็นน้ำทุกอย่างนี่ก็เป็นขยะเปียกรึเปล่า แต่หลังจากเล่นเกมนี้ ทำให้รู้ว่า ขยะเปียกคือขยะทุกชนิดที่สามารถเน่าเสียได้ ทำให้ผมคิดว่าเราควรแยกขยะออกจากกันให้ถูกต้องเวลาทิ้ง เพื่อให้ง่ายต่อการกำจัดครับ”