Follow us

ดั๊บเบิ้ล เอ จัดกิจกรรม A to a พาน้องเรียนรู้อาชีพ “Young Smart Farmer 4.0”

คงปฎิเสธไม่ได้ว่า ยุคสมัยนี้ได้พัฒนาเทคโนโลยี เกิดนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อตอบโจทย์การดำเนินชีวิตของมนุษย์ให้มีความสะดวกสบาย รวดเร็ว ทันสมัย รวมทั้งนโยบายภาครัฐเองก็ยังส่งเสริมให้ประเทศไทยมุ่งสู่ยุคดิจิทัล 4.0 นำพาประเทศให้เจริญรุดหน้าเทียบกับนานาประเทศเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่การเกษตร ที่ถือเป็นรากฐานการประกอบอาชีพที่สำคัญของประเทศ ยังมีการค้นคว้าวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยคนรุ่นใหม่ทั้งลูกหลานชาวนา เกษตรกรหรือผู้จบการศึกษาต่างก็ก้าวสู่อาชีพนี้ด้วยรูปแบบการเกษตรยุคใหม่ หรือที่รู้จักกันว่า Young Smart Farmer

ดั๊บเบิ้ล เอ อยากให้เยาวชนรู้จักกับอาชีพเกษตรกรยุคใหม่มากยิ่งขึ้น จึงพาน้องๆ จากโรงเรียนบ้านเขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา ร่วมกิจกรรม A to a ปลูกฝัน ปลูกปัญญา ตอน “Young Smart Farmer เกษตรกรยุค 4.0 หัวใจพอเพียง” ณ ธำรงฟาร์ม จ.นครนายก  โดยนายชาญวิทย์ จารุสมบัติรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ พูดถึงวัตถุประสงค์โครงการว่า “A to a เป็นกิจกรรมภายใต้แคมเปญ Double A Better Tomorrow  ปลูกฝัน ปลูกปัญญา ที่ต้องการให้เยาวชนได้มีโอกาสรู้จักอาชีพต่างๆที่มีอย่างหลากหลาย จากพี่ๆที่ประสบความสำเร็จในอาชีพต่างๆ อาสามาร่วมเป็นพี่ A (เอใหญ่) ถ่ายทอดประสบการณ์ แนะแนวทาง จุดประกายความฝันและสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับน้องๆ เยาวชนหรือน้อง a (เอเล็ก) สู่อนาคตที่ดี ซึ่งดั๊บเบิ้ล เอ เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2557 ได้ทำกิจกรรมมาแล้ว 7 ครั้ง โดยครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากพี่ A ที่มาเป็นวิทยากร 2 ท่าน คือ คุณจอย วรวรรณ ธำรงวรางกูร, คุณบ๊วย ศรัญธร ธำรงวรางกูร ผู้ริเริ่มสร้างธำรงฟาร์ม Young Smart Farmer รุ่นใหม่ ที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจการเกษตรยุค 4.0 ตั้งแต่อายุยังน้อย และได้สละเวลามาแชร์ประสบการณ์ ดี ๆ และจัดเวิร์คช็อปให้กับน้อง ๆ a เพื่อต่อยอดเป็นธุรกิจได้อีกด้วย”

พี่ A คุณจอย วรวรรณ ธำรงวรางกูร เกษตรกรสาวดีกรีปริญญาโทด้านการตลาดจากประเทศอังกฤษ และคุณบ๊วย ศรัณย์ธร  ธำรงวรางกูร ผู้พลิกฟื้นผืนดินว่างเปล่าประมาณ 45 ไร่ให้เป็นฟาร์มออร์แกนิคแบบประยุกต์ใช้เทคโนโลยียุค 4.0  ได้พาน้อง ๆ ชมฟาร์มผักออร์แกนิคหรือฟาร์มเกษตรอินทรีย์ และอธิบายถึงหลักการทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งจะต้องปลูกพืชที่สะอาดปลอดภัยไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ไม่ใช้สารเคมี มีแหล่งน้ำเป็นของตัวเองและไม่ใช้เมล็ดพันธุ์ที่ตัดต่อพันธุกรรม  พร้อมทั้งได้ชมเทคโนโลยีการรดน้ำผ่านระบบสั่งการบนมือถือ น้ำจะรดโดยอัตโนมัติเมื่อดินแห้ง ทำให้สะดวกรวดเร็ว ลดปัญหาเรื่องแรงงาน ประหยัดน้ำและพลังงาน ทำให้ผลผลิตดีขึ้นด้วย

นอกจากนี้ พี่ A ยังได้สอนเทคนิคการปลูกผักออร์แกนิค สาธิตตั้งแต่การหว่านเมล็ดพันธุ์ การนำต้นกล้ามาปลูกในหลุมเพาะชำโดยใช้ พีทมอส (Peat Moss) เพราะสามารถเก็บความชื้นได้ดี อุ้มน้ำไว้แต่จะไม่อมน้ำจนแฉะ ปราศจากเชื้อสาเหตุโรคพืช ปราศจากวัชพืช เป็นวัสดุที่ไม่เป็นแหล่งสะสมของโรคและแมลง จึงเป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับใช้เพาะปลูกต้นกล้า ช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์การงอก ต้นกล้าสมบูรณ์ แข็งแรง และน้องๆก็ได้ลงมือเพาะต้นกล้าด้วยตนเอง ทั้งยังได้นำกลับไปดูแลต่อที่บ้าน  ในช่วงบ่าย เป็นการแข่งขันทำน้ำสมูทตี้เพื่อสุขภาพ โดยแบ่งเป็นทีมให้น้องๆได้มีโอกาสคิดสร้างสรรค์น้ำสมูทตี้ในแบบของตัวเอง  ซึ่งบรรยากาศแข่งขันเป็นไปด้วยความสนุกสนานและได้เกร็ดความรู้จากพี่ A ที่คอยแนะนำน้องๆทุกทีม   และจบกิจกรรมด้วยการเข้าชมฟาร์มเห็ดนางฟ้าภูฐาน เรียนรู้วิธีการเพาะเห็ดและเข้าชมโรงเรือนเพาะเห็ด พร้อมรับเห็ดสดๆจากฟาร์มเป็นของฝากกลับบ้านให้ชิมกันอีกด้วย 

คุณจอย วรวรรณ ธำรงวรางกูร เจ้าของธำรงฟาร์ม พูดถึงจุดเริ่มต้นว่า “เป็นคนกรุงเทพฯ ทำงานประจำด้านการตลาด  ไม่เคยมีความฝันอยากเป็นเกษตรกร คิดว่าเป็นอาชีพที่เหนื่อย ตากแดด รายได้ไม่เยอะ แต่หลังจากทำงานประจำและใช้ชีวิตในกรุงเทพได้สักพัก รู้สึกว่างานประจำที่ทำอยู่ทำให้เหนื่อยมาก กลับบ้านดึกไม่มีเวลาว่าง จึงตั้งใจอยากหาอาชีพใหม่เพื่อหลุดจากวงจรนี้ จนน้องชายแนะนำไปดูฟาร์มผักของเพื่อนที่ทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วย จึงได้เริ่มศึกษาอย่างจริงจัง เริ่มจากอ่านหนังสือ ดูฟาร์มต่างๆที่ประสบความสำเร็จและทดลองปลูกจริงบนแปลงแห่งนี้ที่เป็นที่ดินของคุณพ่อ ปรากฎว่ายิ่งทำยิ่งชอบ และเห็นว่าทำให้เกิดได้จริง รวมทั้งยังแปรรูปเป็นสินค้าแบรนด์ของเราเองจากวัตถุดิบที่เราปลูก สามารถสร้างรายได้โดยจำหน่ายตามร้านค้าและออนไลน์ ความคิดเราก็เปลี่ยน และพบว่า ข้อดีของอาชีพนี้ ทำให้เรามีรายได้ มีเวลาอยู่กับครอบครัว และเป็นเจ้าของธุรกิจของตนเองด้วย

น.ส.ภัทรสุดา สุภาวะหา “น้องเล็ก” ชั้นม.3 โรงเรียนบ้านเขาหินซ้อน  “กิจกรรม A to a ครั้งนี้ได้ความรู้ใหม่ๆเกี่ยวกับการเกษตร โดยเฉพาะการรดน้ำต้นไม้ที่สามารถตั้งเวลารดน้ำได้เองผ่านโทรศัพท์มือถือ การปลูกพืชโดยไม่ต้องใช้สารเคมี และความรู้ที่ได้จะนำไปใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูก เพื่อเพิ่มผลผลิตให้กับครอบครัวต่อไปค่ะ”

ด.ช.บุญพิทักษ์ พูลผล “น้องซี” ชั้นม.3 “ได้เรียนรู้การเพาะพันธุ์ผักสลัด รวมทั้งประโยชน์ของพืชผักแต่ละชนิดในการทำน้ำสมูทตี้เพื่อสุขภาพ คิดว่าประโยชน์ที่ได้รับสามารถนำไปใช้ในการเรียนและต่อยอดเป็นอาชีพ สร้างรายได้เสริมระหว่างเรียนให้กับเราได้ด้วยครับ”

นี่เป็นส่วนหนึ่งของความคิดเห็นจากน้อง ๆ กว่า 30 คนที่ได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ “การให้” ด้วยการถ่ายทอดประสบการณ์ และโอกาสดี ๆ ถือเป็นการส่งต่อองค์ความรู้ที่มีคุณค่า และเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเยาวชนรุ่นต่อไปให้เติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นพลังที่เข้มแข็งในการสร้างสรรค์สังคมที่ดีต่อไป สามารถติดตามคลิปพี่ A อาชีพต่างๆ อีกเกือบ 20 อาชีพ ได้ที่ Youtube Double A Thailand

ภาพประกอบสกู๊ปกิจกรรม

คุณชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมปลูกผักออร์แกนิค
พี่ A สาธิตการแยกต้นกล้าลงเพาะในกะบะพีทมอส
ชมฟาร์มออร์แกนิคและดูระบบรดน้ำอัตโนมัติสั่งงานผ่านมือถือ
ชมขั้นตอนการเพาะเห็ดนางฟ้าภูฐาน
น้องเล็ก
พี่ A สาธิตการแยกต้นกล้าลงเพาะในกะบะพีทมอส
ผลงานเพาะต้นกล้าของน้อง a พร้อมนำกลับบ้านไปดูแลต่อ
แข่งทำน้ำสมูทตี้เพื่อสุขภาพในแบบฉบับของตัวเอง
โรงเรือนเพาะเห็ด
น้องซี

ข่าวประชาสัมพันธ์

Double A ร่วมสนับสนุนงาน World Expo 2020 Dubai ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลสู่สายตาทั่วโลก

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกิจกรรม “Thailand Pavilion Launch & Networking Reception” ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) งาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 มหกรรมงานระดับโลก ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 -31 มีนาคม 2565 ณ เมืองดูไบ เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่น ส่งเสริม และสร้างโอกาสใหม่สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยผ่านการลงทุน การค้า สู่สายตาประชาคมโลก โดยมี นายวราวุธ ภู่อภิญญา (คนกลาง) เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรม ณ โรงแรมดุสิตธานี ดูไบ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัว “กระดาษคราฟท์” พร้อมจำหน่าย รองรับตลาดอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “กระดาษคราฟท์” เพื่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ กำลังการผลิต 250,000 ตันต่อปี พร้อมทำการตลาดและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ 3,000 ล้านบาทต่อปี นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดเผยว่า ความต้องการกระดาษคราฟท์ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกมีประมาณ 164 ล้านตันต่อปี และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเฉลี่ยประมาณปีละ 2.5 % โดยตลาดในแถบเอเชียแปซิฟิค ถือเป็นตลาดที่มีความต้องการบริโภคกระดาษคราฟท์มากที่สุดในโลก หรือเกือบครึ่งหนึ่งของโลก และเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิคที่ไม่รวมประเทศจีน ก็มีความต้องการมากถึง 30 ล้านตันต่อปี และมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ 4 % ต่อปี ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดกระดาษคราฟท์มาตั้งแต่ปี 2562 โดยมีการลงทุนสร้างโรงเยื่อ RECYCLE PULP (RCP) แห่งใหม่ขึ้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยงบลงทุน 1,000 ล้านบาท มีการเดินเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว และได้ปรับกระบวนการผลิตของโรงกระดาษที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงโรงกระดาษ 1 ที่จังหวัดปราจีนบุรี มาผลิตกระดาษคราฟท์ กำลังการผลิตอยู่ที่ 250,000 ตันต่อปี และมีผลิตภัณฑ์แรกที่พร้อมจำหน่ายแล้ว คือ กระดาษคราฟท์เพื่อทำลอนกล่องลูกฟูก CORRUGATED MEDIUM (CM) สำหรับการทำตลาดกระดาษคราฟท์นั้น ดั๊บเบิ้ล เอ วางแผนทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มจากประเทศในแถบเอเชียก่อน โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการที่ดั๊บเบิ้ล เอ มีเครือข่ายการตลาดทั่วโลก นอกจากนี้ กำลังการผลิตส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานกล่องกระดาษของดั๊บเบิ้ล เอ ด้วย เพื่อทดแทนการใช้วัตถุดิบจากภายนอก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับดั๊บเบิ้ล เอ ได้ไม่น้อยกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท และช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของดั๊บเบิ้ล เอ มากขึ้น เนื่องจากตลาดกระดาษเพื่อบรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ปัจจุบัน ดั๊บเบิ้ล เอ มีผลิตภัณฑ์หลัก คือ เยื่อกระดาษใยสั้น กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษสำนักงาน และผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มกระดาษ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มทั่วไป ได้แก่ ปากกา ปากกาเน้นข้อความ ปากกาลบคำผิด เครื่องเย็บกระดาษ กระเป๋าผ้า ซึ่งมีการจำหน่ายในทุกช่องทาง รวมทั้งช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ delivery.doubleapaper.com ซึ่งบริการเดลิเวอรี่ส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานในยุค New Normal สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียดของผลิตภัณฑ์กระดาษคราฟท์ สามารถสอบถามและสั่งซื้อได้ที่โทร.085 835 3794 (สำหรับลูกค้าในประเทศ) และโทร.085 835 4098 (สำหรับลูกค้าต่างประเทศ)

ดั๊บเบิ้ล เอ สร้างปรากฏการณ์สุดเจ๋งใน MV วง OK GO ตอกย้ำกระดาษคุณภาพที่ผู้ใช้ทั่วโลกไว้วางใจ

ปรากฏการณ์ใหม่ระดับโลกเมื่อดั๊บเบิ้ล เอจับมือกับศิลปินวง OK GO วงดนตรีสุดครีเอท แนวอัลเทอร์เนทีฟร็อก จากสหรัฐอเมริกา ที่มีผลงานเพลงและมิวสิค วิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางสร้างเซอร์ไพร์สให้กับแฟนเพลงทั่วโลกอีกครั้ง ในมิวสิควิดีโอเพลง Obsession ด้วยเทคนิค Paper Mapping เป็นครั้งแรกของโลก โชว์คุณภาพดั๊บเบิ้ล เอ ที่ส่งออกไปแล้วกว่า 130 ประเทศ โดยศิลปิน OK GO ได้สัมผัสถึงความเรียบลื่นและคุณสมบัติเด่นของกระดาษดั๊บเบิ้ล เอที่ สามารถพรินต์ออกมาโดยไร้อุปสรรคใดๆ จนเกิดแรงบันดาลใจ“OBSESSION for Smoothness” ในการนำมาสร้างสรรค์ฉากอลังการที่น่าตื่นตาตื่นใจในมิวสิควิดีโอชุดนี้ ซึ่งดั๊บเบิ้ล เอ เห็นถึงความเป็นสากลของดนตรีและความคิดสร้างสรรค์ของวง OK GO ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ๆ สื่อสารภาพลักษณ์ ที่เฟรชขึ้น สนุกขึ้น แต่ยังคงหนักแน่นในเรื่องคุณภาพสินค้าที่ทุกคนไว้วางใจ

ดั๊บเบิ้ล เอ ส่งเสริมรักการอ่าน โครงการ " สื่อทำมือ หนังสือหน้าสอง "

โครงการ " สื่อทำมือ หนังสือหน้าสอง " เพราะเป็นองค์กรที่ส่งเสริมด้านสังคมรักการอ่านมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ดั๊บเบิ้ล เอ ไม่หยุดยั้งที่จะเดินหน้า ส่งเสริมโครงการดีๆ ที่จะกระตุ้นให้เด็กไทยหันมาใส่ใจและรักการอ่านหนังสือเพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุด ดั๊บเบิ้ล เอ ได้ร่วมกับโรงเรียนบางบ่อพิทยาคม และโรงเรียนคลองบางกะสี 2 โรงเรียนที่มีความคิดสร้างสรรค์ของ จ.สมุทรปราการ จัดทำโครงการ "สื่อทำมือ หนังสือหน้าสอง" ด้วยการนำกระดาษถ่ายเอกสารที่ใช้แล้วด้านเดียว มาทำหนังสือหน้าสองให้เป็นหนังสือที่น่าอ่าน น่าติดตาม และที่สำคัญน้องๆ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง สำหรับโครงการ " สื่อทำมือ หนังสือหน้าสอง " มีที่มาที่ไปอย่างไร วันนี้ อาจารย์นางภาวนา มีกลิ่นหอม อาจารย์โรงเรียนคลองบางกะสี จ.สมุทรปราการ ได้เล่าให้ฟังว่า โรงเรียนได้จัดทำโครงการ " สื่อทำมือ หนังสือหน้าสอง " มาตั้งแต่ปี 2546 โดยทางโรงเรียนมองว่าในแต่ละวันเราใช้กระดาษถ่ายเอกสารเป็นจำนวนมาก และส่วน-ใหญ่เป็นการใช้กระดาษเพียงหน้าเดียว ส่วนอีกหน้าที่เหลือไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลืองแล้ว ยังเป็นการเพิ่มปริมาณขยะอีกด้วย ดังนั้นทางโรงเรียนจึงเกิดแนวคิดในการนำกระดาษอีก 1 หน้าที่เหลืออยู่มาทำให้เกิดประโยชน์ จึงนำกระดาษที่เหลือมาทำหนังสือในรูปแบบของหนังสือทำมือ โดยนำไปสอดแทรกในวิชาศิลปะเพื่อให้เด็กๆได้เกิดแนวคิดสร้างสรรค์ และยังเป็นการช่วยลดปริมาณขยะ รวมทั้งช่วยส่งเสริมให้น้องๆ ในโรงเรียนหันมาสนใจการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นอีกด้วย จนได้รับรางวัลโรงเรียนส่งเสริมนิสัยรักการอ่านจาก สพฐ. ในปี 2546 โดยรูปแบบของสื่อทำมือ หนังสือหน้าสอง จะเน้นการนำเรื่องราวต่างๆที่เป็นความรู้ ไม่ว่าจะเป็น นิทาน การละ-เล่น ขนบธรรมเนียมประเพณี ชื่อสัตว์ ชื่อผลไม้ คำศัพท์ต่างๆ มาประกอบรูปภาพ และจัดทำให้หนังสือมีรูปลักษณ์ที่น่าสนใจดึงดูดอยากหยิบมาอ่าน เช่น หนังสือ POP-UP หนังสือยืด หนังสือหน้าเดียว หนังสือกล่อง หนังสือโคม เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งเสริมรักการอ่านแล้ว ยังทำให้เด็กนักเรียนได้มีความคิดสร้างสรรค์ มีความอดทน รู้จักวิเคราะห์และจับประเด็นให้เนื้อหาอยู่ในหน้ากระดาษที่จำกัดได้ โดยไม่ละทิ้งใจความสำคัญ และยังทำให้เกิดความภาคภูมิใจในผลงานอีกด้วย ส่วนโรงเรียนบางบ่อพิทยาคม ได้นำโครงการผลิตสื่อหนังสือทำมือสอดแทรกในวิชาภาษาไทย โดยให้นักเรียนทำหนังสือทำมือให้รุ่นน้องและเพื่อนในโรงเรียนได้อ่าน จัดเป็นมุมหนังสือต่างๆ ทั่วโรงเรียน และทุกห้องเรียนจะต้องมีมุมหนังสือ เพื่อให้เด็กๆได้สร้างนิสัยรักการอ่านให้เป็นกิจวัตรติดตัวไปจนโต โดยความโดดเด่นของหนังสือทำมือของโรงเรียนจะนำเนื้อหาที่ส่วนใหญ่จะเป็นความรู้ในท้องถิ่นของอำเภอบางบ่อ เช่น การละเล่นท้องถิ่นของบางบ่อที่เรียกว่า "ผะหมี" (โจ๊ก) เป็นร้อยกรองปริศนาให้ทายกัน ซึ่งเป็นการละเล่นที่นับวันจะค่อยๆ สูญหายไปจากอำเภอหากไม่มีการสืบทอดกันไว้ สำหรับการละเล่น "ผะหมี" อาจารย์ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า น้องๆ จะนำเนื้อหาต่างๆ มาแต่งเป็นร้อยกรอง ปริศนาคำทาย ตัวอย่างเช่น พระ หนึ่งชำนาญด้าน ดนตรี (คำตอบ พระอภัยมณี) พระ หนึ่งหลงสาวศรี พี่น้อง (คำตอบ พระลอ) พระ หนึ่งวุ่นราวี ดึงนุช มานา คำตอบ พระราม) พระ หนึ่งโปรยทานก้อง ส่ำสร้างผลบุญ (คำตอบ พระเวสสันดร) ซึ่งนอกจากจะสร้างความรู้และความคิดสร้างสรรค์ให้กับคนทำและคนทายแล้ว ยังสร้างความสนุกสนานและความสามัคคีให้เกิดขึ้นในกลุ่มของนักเรียนในโรงเรียน ส่งผลให้ได้รับรางวัลโรงเรียนส่งเสริมนิสัยรักการอ่านจาก สพฐ. ในปี 2548 โดยในเรื่องนี้ "น้องชนะพล ปานสมบัติ" นักเรียนชั้น ม.5 รร.บางบ่อพิทยาคม ได้เล่าให้ฟังว่า "โครงการดังกล่าวมีส่วนช่วยส่งเสริมรักการอ่านได้มาก เพราะมีรูปแบบและสีสันที่สวยงามน่าสนใจ ซึ่งที่ผ่านมานักเรียนในโรงเรียนก็ให้ความสนใจ มีการสอนการทำให้กับรุ่นน้องๆ ด้วย เพราะม.4-ม.6 จะจัดทำให้น้องๆ ม.ต้นได้อ่าน ซึ่งผมจะชอบเนื้อหาเป็นเรื่องเอกลักษณ์ไทย เพราะส่วนใหญ่รุ่นหลังไม่ค่อยรู้จัก เช่น ขนมไทย วรรณคดีไทย ประวัติศาสตร์ และเนื้อหาธรรมะ เพราะปัจจุบันคนเรามีความเครียดมาก ถ้าได้อ่านหนังสือธรรมะก็ช่วยให้จิตใจดีขึ้น" โครงการดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นการเริ่มต้นสร้างสรรค์จากผลงานภายในโรงเรียน แต่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่หลายๆ โรงเรียนสามารถนำมาเป็นต้นแบบในการนำไปปฏิบัติได้ เพราะนอกจากจะเป็นการส่งเสริมให้เด็กไทยได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์แล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้น้องๆรักการอ่านเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังถือเป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย

ดั๊บเบิ้ล เอ ประกาศเปิดจองหุ้นกู้ 8-10 มิ.ย.นี้ อัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี

หลังจากที่ดั๊บเบิ้ล เอ ได้ประกาศเลื่อนวันเปิดจองหุ้นกู้ จากกำหนดเดิม 24-26 พ.ค. ออกไปนั้น ขณะนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ พร้อมประกาศเปิดจองหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ย 6% อายุ 3 ปี เป็นวันที่ 8-10 มิถุนายน 2553 ผ่านธนาคารกรุงไทย และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระดาษ "ดั๊บเบิ้ล เอ" ซึ่งมีตลาดส่งออกทั่วโลก เปิดเผยว่า หลังจากสถานการณ์บ้านเมืองเริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะสงบแล้ว ดั๊บเบิ้ล เอ พร้อมประกาศเปิดจองหุ้นกู้เป็นวันที่ 8-10 มิถุนายน 2553 ด้วยอัตราดอกเบี้ย 6% ต่อปี เป็นหุ้นกู้อายุ 3 ปี ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน วงเงินรวมไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2556 โดยผู้ออกหุ้นกู้สามารถไถ่ถอนได้ก่อนครบกำหนด