Follow us

ดั๊บเบิ้ล เอ จัดเสวนา "อยู่กับน้ำ" Dont let Flood STOP your Life เพื่อปลุกกำลังใจคนไทยให้เข้มแข็ง และใช้ชีวิตอยู่กับน้ำได้อย่างมีความสุข

คุณชาญวิทย์ และวิทยากรที่ร่วมเสวนาฯ

พระมหาหรรษา การบรรยายธรรม เรียกขวัญและกำลังใจ

จากมหาอุทกภัยที่คนไทยต้องเผชิญร่วมกัน และเป็นปัญหาที่ทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หลายคนตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าน้ำมาถึงแล้ว จะอพยพดี หรือจะอยู่กับน้ำดี  แต่เชื่อเหลือเกินว่า ไม่มีใครอยากจะอพยพมาอยู่ข้างนอกบ้าน แต่สิ่งที่หลายคนยังตั้งข้อสงสัยว่า แล้วเราจะอยู่กับน้ำได้จริงหรือ จากคำถามดังกล่าว ดั๊บเบิ้ล เอ จึงจัดงานเสวนา "อยู่กับน้ำ" Don't let Flood STOP your Life ขึ้น โดยเชิญกูรูสาขาต่างๆ มาบอกเล่าถึงประสบการณ์และแนะนำวิธีที่จะทำให้เราทุกคนอยู่กับน้ำได้อย่างมีความสุข

บรรยาการการเสวนา อยู่กับน้ำ จากกูรูสาขาต่างๆ

ตั้งใจฟัง

โดยงานในวันนั้น เริ่มจากการร่วมฟังการบรรยายธรรม จาก พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งเป็น 1 ในหลายๆวัดแรก ๆ ที่ประสบภัยใน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ด้วยการเตรียมความพร้อม มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จึงได้กลายเป็นศูนย์กลางของคนกว่า 3,000 ครอบครัว แม้จะลำบาก แต่พระมหาหรรษา บอกว่า รู้สึกภูมิใจ เพราะการไม่ย้ายไม่อพยพของเรา ทำให้ทุกคนในชุมชนสามารถต่อสู้ยืนหยัดจนวันนี้น้ำลดลงไปกว่า 60 ซม.แล้ว  แต่ประเด็นวันนี้ คือ ถ้าเราไม่หนีน้ำเราจะทำอย่างไร สิ่งสำคัญคือ เราต้องปรับตัวเข้ากับน้ำให้ได้ เวลาสายน้ำเดินทางผ่านมาเรามักจะเป็นทุกข์ สโลแกนของพระมหาหรรษา คือ "อยู่กับน้ำให้เป็นไม่เห็นความทุกข์" ซึ่งพระมหาหรรษา กล่าวว่า ขณะนี้คนส่วนใหญ่เวลาน้ำวิ่งเข้ามาหาน้ำไม่ได้ท่วมแค่กาย แต่น้ำได้ท่วมไปที่ใจ เพราะขณะนี้คนที่ประสบภัยไปแล้ว หรือคนที่กำลังจะประสบภัย จะมีความโกรธและความโลภ

สอบถามสถานการณ์น้ำนอกรอบ

ซึ่งหลังจากนี้อาตมาอยากให้ทุกคนที่เป็นผู้ประสบภัยแล้ว และคนที่กำลังจะเป็นผู้ประสบภัย ตั้งสติให้ดีและไล่เรียงลำดับความสำคัญว่าอะไรควรเก็บควรทำก่อนหลัง ขอให้คิดว่าทุกอย่างเป็นอนิจจัง มีท่วมก็ต้องมีแห้ง ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น มันคงอยู่กับเราไม่นาน ขอให้อดทน และอาตมาไม่แนะนำให้คนที่มีบ้าน 2 ชั้น ย้ายบ้าน แต่ที่สำคัญคนที่รับผิดชอบอย่าไปตัดน้ำ ตัดไฟเขา เพราะเขาดูแลของเขาได้

ดั๊บเบิ้ล เอ มอบเรือเมล์เพื่อผู้ประสบภัย

ขณะที่ คุณสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ หรือ พี่เช็ค โปรดิวเซอร์รายการคนค้นฅน บอกเล่าถึงประสบการณ์ในการลงพื้นที่จริงได้อย่างน่าสนใจ "น้ำท่วมครั้งนี้กินพื้นที่กว้างขวางมาก ตั้งแต่ชนบท ที่คนเรียนรู้ที่จะอยู่กับน้ำ จนถึงใจกลางมหานคร คนที่อยู่ไม่มีทั้งความรู้ ไม่คุ้นชินและไม่ได้มีการเตรียมพร้อมที่จะอยู่กับน้ำ ดังนั้นการลงไปจัดการกับปัญหาเหล่านี้ในบริบทมันมีความแตกต่างกัน และคนถูกน้ำท่วมยังถูกน้ำท่วมด้วยดีกรีที่แตกต่างกัน ซึ่งจากการลงพื้นที่ผมพบว่า ในกลุ่มคนที่ถูกน้ำท่วม เป็น 5 ประเภท คือ 1. เดือดร้อน   2.ลำบาก 3.ยากเย็น 4.เข็ญใจ และ 5.ไม่ไหวแล้วโว้ย คือ เดือดร้อน ลำบาก ยากเย็น เข็ญใจ ทำให้วิธีที่เราจะต้องลงไปช่วยเหลือจะแตกต่างกัน ประกอบกับการมีต้นทุนบางอย่าง บางพื้นที่ที่มีทุกข์กับน้ำท่วมมาก เพราะไม่มีต้นทุน มีความแตกแยก ไม่มีความสามัคคี แต่บางพื้นที่มีผู้นำที่เข้มแข็ง รวมกลุ่ม และจัดการทำให้ชุมชนอยู่ได้ แต่ในพื้นที่ส่วนใหญ่เมื่อถูกน้ำท่วมต่างคนต่างคิดจะเอาตัวรอด ทำให้ทั้งตัวเองและชุมชน ไม่สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้"


น้ำใส น้ำใจ เพื่อผู้ประสบภัย จากดั๊บเบิ้ล เอ

ด้าน นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขและผู้ดำเนินโครงการชุมชนคลองมหาสวัสดิ์ เล่าถึงประสบการณ์จากฐานะผู้ประสบภัยกลับมาเป็นผู้ช่วยเหลือว่า "ผมอยู่ในเขตบางบัวทอง จึงถือเป็นผู้ประสบภัยลำดับแรกๆ หรือ ผู้ประสบภัยรุ่นที่ 1 โดยที่ผ่านมาผมเตรียมสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลายๆ คนบอก อาจารย์หนีเถอะ เพราะน้ำเยอะจริงๆและไม่มีทางรอด แต่ผมเริ่มจากความไม่ประมาท ตระเตรียมทุกอย่างในการดำรงชีวิต แต่สาเหตุที่ต้องออกมาอยู่ข้างนอก เพราะ บังเอิญรายการโทรทัศน์ได้ชวนออกไปอยู่ข้างนอก เลยตัดสินใจออกมากับทางรายการ และปรับเปลี่ยนตัวเองจากผู้ประสบภัยมาเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ โดยลงพื้นที่คลองมหาสวัสดิ์ ไปพบว่า ชาวบ้านตั้งใจว่าเขาจะอยู่ และทาง กทม.  ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวไว้ที่โรงเรียนคลองมหาสวัสดิ์ และที่วัดปุณณาวาส ผมจึงเริ่มกระบวนการกับชุมชน และเราเตรียมเป็นขั้นเป็นตอน และทุกคนต่างร่วมแรงร่วมใจกัน แต่ก็มีความขัดแย้งกัน แต่อย่างที่บอก ในสถานการณ์แบบนี้ อยู่ที่ต้นทุนและผู้นำชุมชนว่าเป็นอย่างไร เราจะจัดระบบอย่างไรให้เกิดผู้นำ และความสามัคคีขึ้น ซึ่งจากความสามัคคี ทำให้ชุมชนดังกล่าวอยู่ได้ด้วยความเข้มแข็ง โดยย้ำว่า ถ้าเราฝ่าวิกฤตได้ เราก็จะแข็งแรงขึ้นกว่าเก่า"

ถุงยังช่วย(กัน) ผลิตภัณฑ์จากผู้ประสบภัยในมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

นายกสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์

นายทวีจิตร จันทรสาขา นายกสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ขึ้นชื่อว่าสถาปนิก มีหรือที่จะไม่มีวิธีในการปกป้องบ้านให้พ้นจากอุทกภัยในครั้งนี้ แต่ใครจะเชื่อว่า แม้คุณทวีจิต จะมีอุปกรณ์ทุกอย่างเรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่บ้านคุณทวีจิตไม่มี แต่เขาก็ยังไม่สามารถรอดพ้นจากน้องน้ำได้ "สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราได้เรียนรู้" อย่าไปเอาชนะธรรมชาติ แต่ให้คิดเอาธรรมชาติมาใช้ให้ประโยชน์ดีกว่า" เพราะถึงเวลาจริงแล้ว สิ่งที่เราเรียนรู้ถึงมาตราการการป้องกันนั้นยากเกินกว่าที่จะทำได้ ยิ่งน้ำสูงกว่า 1 เมตร ระบบที่เราเตรียมไว้ช่วยอะไรไม่ได้ เมื่อน้ำมาแล้ว บอกได้คำเดียวว่า เก็บเงินไว้ซ่อมบ้านดีกว่า น้ำท่วมไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด จริง ๆ สิ่งที่น่ากลัวคือ ระบบโลจิสติกส์ ถ้าสามารถกู้ระบบโลจิสติกส์ได้ และสามารถขนส่งอาหาร ขนส่งคน ขนส่งสินค้า และยารักษาโรคได้ เราก็อยู่กับน้ำได้ ซึ่งประเด็นนี้ คุณเพ็ชร ชินบุตร จากสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ก็สนับสนุนแนวคิดนี้ เพราะตอนนี้ ถึงมีเงินแต่ก็หาซื้อของไม่ได้

สำหรับการดูแลบ้านหลังโดนน้ำท่วม แยกเป็นส่วนๆ

อาคาร : ยืนยันว่าโครงสร้างสามารถแช่น้ำเป็นเวลา 2 เดือน ไม่พังอย่างแน่นอน เว้นแต่อยู่ใกล้บึง ใกล้บ่อ ดินสไลด์ ซึ่งจะส่งผลต่อรากฐานได้

ผนัง : ขัดและล้าง และทิ้งไว้ 1 เดือนเพื่อให้น้ำและความชื้นระเหย เชื่อว่าราคาสีใหม่ ไม่เท่ากับราคากระสอบทรายที่ซื้อมากั้นบ้าน

พื้น : พื้นหินอ่อน หินขัด กระเบื้อง รีบทำความสะอาดอย่าให้เกาะนาน และถ้ากระเบื้องล่อน สามารถใช้กาวเพื่อซ่อมแซมได้ ส่วนพื้นไม้ ถึงน้ำไม่เข้าบ้าน แต่ความชื้นอาจจะทะลุขึ้นมาได้ ซึ่งหากเกิดอาการบวม ซ่อมแซมโดยการตัดออกและซ่อม

ปั๊มน้ำ /คอมเพรสเซอร์แอร์ : ควรหาถุงพลาสติกคลุม เพื่อป้องกันโคลน และยกขึ้นให้พ้นรัศมีน้ำ แต่สำหรับคนที่น้ำท่วมแล้ว หลังน้ำลดควรทิ้งไว้ 2 อาทิตย์ รอให้แห้ง

ถังบำบัด : พอน้ำลดน้ำจะไหลลงไปเอง ให้เอาแบคทีเรียสำเร็จรูปใส่เข้าไป

ด้านคุณชวลิต จันทรรัตน์ TEAM Group มาบอกเล่าถึงสถานการณ์น้ำในขณะนี้ว่า น้ำในปีนี้มีมากกว่าปีอื่นๆ 1.4  เท่า เราก็คิดแบบจำลองเอาน้ำจากพื้นที่ต่างๆ มาคำนวณ พบว่า พื้นที่บางแห่งท่วมแน่ บางแห่งกำลังท่วม และบางแห่งเสี่ยงปานกลาง ซึ่งตอนนี้ยังเหลือถนนพระราม 2 แต่ก็ท่วมแน่ๆ อย่าสร้างกระสอบทรายขอให้ไหลไปตามธรรมชาติ ให้ไหลบางๆ ลงทะเล แต่ในบริเวณกลางๆ ช่วงตะวันออกของถนนวงแหวนบางเขต เช่น ทุ่งครุ ราษฏร์บูรณะ ธนบุรี จะรอด ส่วนพื้นที่ตะวันตกคาดว่าท่วมไม่นาน ภายใน 2 สัปดาห์ ถ้ามีการอุดรอยรั่วที่คลองมหาสวัสดิ์เสร็จ และสูบน้ำจากคลองภาษีเจริญออกไปที่คลองสนามชัย ก็จะทำให้น้ำแห้งเร็ว

ส่วนฝั่งกรุงเทพฯ ชั้นใน เราต้องสู้ด้วยระบบสูบน้ำชั้นที่ 2 คลองบางซื่อยังรับน้ำได้ดี ไม่น่ามีปัญหา และทาง กทม.เองก็ช่วยสูบน้ำลงคลองสามเสนบางส่วน ช่วยให้อนุเสาวรีย์ชัยฯ รอดจากน้ำท่วม ในส่วนของรามคำแหงมีอุโมงค์พระราม 9 รับน้ำ จะทำให้พื้นที่ดังกล่าวปลอดภัย และถัดไปมีอุโมงค์มักกะสันรับน้ำจากคลองพระราม 9 จะช่วยให้เขตดินแดงรอด นอกจากนี้ พื้นที่ที่น้ำจะไม่ท่วม มีเขตบางรัก คลองเตย สาทร พระนคร ดุสิต บางซื่อ แต่ก็อย่าเพิ่งประมาท โดยคุณชวลิตได้แนะแนวทางรับมือกับน้ำท่วมไว้หลากหลายข้อ และเตือนว่า สำหรับคนที่ยกรถขึ้น อย่ายกที่แหนบเพราะจะทำให้รถเสีย หรือถ้าใช้ถุงกันน้ำ ก็ต้องหาที่ยึดรถไว้ด้วยไม่เช่นนั้นรถจะลอยและกระแทกเสียหายได้

การเสวนาในครั้ง คงจะช่วยทำให้ทั้งผู้ประสบภัยและผู้ที่กำลังจะประสบภัย ได้กำลังใจและแนวทางที่จะลุกขึ้นมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ปล่อยให้น้ำมาหยุดวิถีชีวิตของเรา ขอแค่รัฐบาลอย่าตัดน้ำตัดไฟ คนที่ตั้งใจจะสู้อยู่กับน้ำ ก็จะอยู่ได้ ในช่วงท้ายเสวนาดั๊บเบิ้ล เอ ผู้จัดเสวนาได้นำร่องมอบเรือเมล์ และไม้ต้นกระดาษให้แก่นพ.โกมาตร เพื่อนำไปสร้างสะพานต้นแบบสำหรับการสัญจรของชุมชนที่ประสบอุทกภัย ให้สามารถมีวิถีชีวิตอยู่กับน้ำ  และขอฝากคำดีๆ ของพระมหาหรรษา ไว้ด้วยว่า "แม้ว่าน้ำจะพัดพาทุกอย่างไปจากชีวิตเรา แม้ว่าจะพัดพาบางอย่างไปจากสังคมของเรา แต่น้ำจะไม่พัดพาสยามเมืองยิ้ม กำลังใจ และการช่วยเหลือเกื้อกูลกันไปจากสังคมไทย เราจะสู้ไปด้วยกัน"

วีณามัย บ่ายคล้อย ผู้ดำเนินรายการ

ข่าวประชาสัมพันธ์

แคมเปญ 1Dream1Tree

ดั๊บเบิ้ล เอ มีการดำเนินธุรกิจภายใต้โมเดล “กระดาษจากคันนา” เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมการใช้พื้นที่ว่างเปล่าบนคันนา ซึ่งช่วยให้ชาวนามีรายได้เสริมและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้นได้ส่งผลกระทบที่หลายๆประเทศต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง น้ำท่วม หมอกควันจากไฟป่า ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากฝีมือมนุษย์ที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ดั๊บเบิ้ลเอ จึงอยากรณรงค์ให้ผู้บริโภคตระหนักถึงพลังของผู้บริโภคที่จะดูแลใส่ใจสิ่งแวดล้อม สิ่งหนึ่งที่สามารถทำได้ คือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำลายป่า ไม่ตัดไม้จากป่า อันเป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหาภัยธรรมชาติ จึงเป็นที่มาของแคมเปญ “Double A One Dream One Tree” เพื่อปลุกกระแสรักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนทุกคนตระหนักว่าปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับนักศึกษา สถาบันพระปกเกล้า

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับคณะนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารงานพัฒนาท้องถิ่นที่ยั่งยืนรุ่นที่ 6 นำโดย นายภควัต อัจฉริยปัญญา ผู้อำนวยการวิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า เข้าเยี่ยมชมโรงงานดั๊บเบิ้ล เอ จ.ปราจีนบุรี เพื่อเข้าใจถึงกระบวนการผลิตเยื่อและกระดาษที่เลือกใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรชั้นนำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการบริหารจัดการธุรกิจอย่างยั่งยืนบนแนวทาง ESG ในด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล รวมถึงวัตถุดิบที่มาจากไม้ปลูกของเกษตรกร โดยไม่รบกวนไม้จากป่าธรรมชาติ ช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และเพิ่มพื้นที่สีเขียวช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นอุตสาหกรรมกระดาษที่เติบโตอยู่คู่กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน สำหรับสถานศึกษาหรือองค์กรที่สนใจเข้าเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะ สามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ http://openhouse.doubleapaper.com/

ดั๊บเบิ้ล เอ รับรางวัลดีเด่น โครงการขับเคลื่อนความปลอดภัย อาชีวอนามัยฯด้านขนส่ง กระทรวงแรงงาน

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นตัวแทนเข้ารับรางวัลระดับดีเด่น ในโครงการขับเคลื่อนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ในงานที่มีการประสบอันตรายสูง (งานขนส่ง) ประจำปี 2567 กระทรวงแรงงาน จากนางวัชรี มากหวาน รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่มีการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานของหน่วยงานขนส่งทางบกอย่างเป็นระบบตามมาตรฐานสากล และข้อกำหนดของกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ ณ ห้องประชุม ชั้น 5 กระทรวงแรงงาน ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ดั๊บเบิ้ล เอ ยังได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพบริการขนส่งด้วยรถบรรทุก (Q Mark) จากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมอีกด้วย นับเป็นการตอกย้ำในการยกระดับมาตรการความปลอดภัยของหน่วยงานขนส่งให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัวสินค้าใหม่ “Double A Evo Zinc" คุ้มค่า เต็มพลัง

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน "Double A Evo Zinc" ถ่านคาร์บอนซิงค์ 1.5 V บรรจุแพ็ค 4 ก้อน มีทั้ง AA และ AAA คุณสมบัติให้พลังเต็มประสิทธิภาพด้วยคาร์บอนซิงค์บริสุทธิ์ มีอายุการเก็บรักษายาวนาน 4 ปีจากวันที่ผลิตและมีระบบป้องกันการรั่วซึมของของเหลวถึง 3 ชั้น (Anti leak protection) ช่วยปกป้องและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ เหมาะสำหรับใช้งานกับนาฬิกา รีโมท ไฟฉาย และอุปกรณ์พกพาต่างๆ ทั้งนี้ การเลือกใช้ถ่านให้เหมาะกับอุปกรณ์จะช่วยประหยัดคุ้มค่าและใช้งานได้ยาวนาน สามารถดูรายละเอียดและสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ www.DoubleAdelivery.com หรือที่ร้าน BeTrend, Medium&More, ร้านนายอินทร์ และ ซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับนักเรียนจากรร.ช่างฝีมือทหาร

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับคณะนักเรียน ระดับชั้นปีที่ 3 ภาคปกติและภาคสมทบ โรงเรียนช่างฝีมือทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เยี่ยมชมกระบวนการผลิตเยื่อและกระดาษ ณ โรงงานดั๊บเบิ้ล เอ จ.ปราจีนบุรี ได้เข้าใจถึงขั้นตอนการผลิตกระดาษคุณภาพ ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นนำควบคู่กับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และที่มาของวัตถุดิบ “ต้นกระดาษ” จากไม้ปลูกของเกษตรกร โดยไม่รบกวนไม้จากป่าธรรมชาติ รวมทั้งช่วยสร้างรายได้เสริมให้เกษตรกร นอกจากนี้ยังได้รู้จักโมเดลการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า (Circular Economy) ผ่านการนำเสนอด้วยรูปแบบภาพยนตร์ระบบ 4 มิติ นับเป็นกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียนและประสบการณ์ใหม่ๆเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา สำหรับสถานศึกษาหรือองค์กรที่สนใจเข้าเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะ สามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ http://openhouse.doubleapaper.com/

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับคณะนักเรียน รร.หทัยชาติ

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับน้องๆนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนหทัยชาติ จ.ปราจีนบุรี เข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิตเยื่อและกระดาษคุณภาพที่เลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตชั้นนำเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเข้าใจวัตถุดิบที่มาจากไม้ปลูกของเกษตรกร โดยไม่รบกวนไม้จากป่าธรรมชาติ เป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และยังเพิ่มพื้นที่สีเขียว มีส่วนช่วยลดโลกร้อนอีกด้วย ทำให้ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นอุตสาหกรรมกระดาษที่เติบโตอยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน โดยน้องๆได้ชมการบรรยายด้วยรูปแบบภาพยนตร์ระบบ 4 มิติ สำหรับการเยี่ยมชมครั้งนี้ ถือเป็นกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน เพิ่มพูนประสบการณ์ใหม่ๆให้กับเยาวชน ณ โรงงานดั๊บเบิ้ล เอ จ.ปราจีนบุรี สำหรับสถานศึกษาหรือองค์กรที่สนใจเข้าเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะ สามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ http://openhouse.doubleapaper.com/

ดั๊บเบิ้ล เอ รับข่าวดีทริสเรตติ้งปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “บวก” พร้อมเผยผลกำไร Q2’67 พุ่ง 23%

บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ประสบความสำเร็จอีกครั้งเมื่อทริสเรตติ้งประกาศปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับเครดิตองค์กรเป็น BBB แนวโน้ม “Positive” (บวก) จากเดิม “Stable” (คงที่) สะท้อนถึงสถานะทางการเงินของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง มีผลกำไรที่แข็งแกร่ง และมีนโยบายทางการเงินที่รัดกุม ในขณะที่ผลกำไรไตรมาส 2 ของปี 67 พุ่ง 23% เพิ่มขึ้น 118 ล้านบาท มั่นใจกางแผนขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแนวทาง ESG ที่เน้นการให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพ ควบคู่กับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม หลักธรรมาภิบาล และยังเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2567 ดั๊บเบิ้ล เอ มีรายได้รวม 6,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.08% และมีกำไรสุทธิ 634 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.87% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทำให้ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 12,432 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 494 ล้านบาท หรือ 4.14 % และมีกำไรสุทธิ 1,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152 ล้านบาท หรือ 15.03% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลมาจากการพัฒนาปรับปรุงเครื่องจักรทำให้มีประสิทธิภาพการผลิตที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนด้านพลังงานลดลง รวมถึงการขายกระดาษของบริษัทฯ ไปยังประเทศหลักในแถบเอเชียยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง