Follow us

ดั๊บเบิ้ล เอ จับมือ สวนสุนันทา หนุนไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งอาเซียน (Hub of CLMV) ตั้งศูนย์การเรียนรู้ Double A Logistics Academy

"หนึ่งในแกนหลักของการแข่งขัน และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ คือ ระบบโลจิสติกส์ ประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น อาจไม่ใช่ประเทศที่มีความมั่งคั่ง ร่ำรวยทรัพยากรแต่อย่างใด แต่เป็นประเทศที่มีความเป็นผู้นำด้านระบบโลจิสติกส์”

คำบรรยายพิเศษ ของ นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ ในโอกาสเปิดศูนย์เรียนรู้ Double A Logistics Academy

 

นับเป็นปรากฏการณ์ความร่วมมือครั้งแรกของภาคเอกชนกับสถาบันการศึกษา ระหว่าง ดั๊บเบิ้ล เอ โดยนายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการผู้จัดใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน)  และ วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนของประเทศไทย พร้อมๆ กับการเร่งสร้างทรัพยากรบุคลากรด้านโลจิสติกส์ให้เติบโต  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการค้า และนำพาประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแห่งอาเซียน (Hub of CLMV) โดยมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ ดังเช่นเมืองหลักสำคัญของโลก อาทิ นครร็อตเตอร์ดัม แห่งเนเธอร์แลนด์ นครนิวเจอร์ซี่  แห่งสหรัฐอเมริกา และนครเซี่ยงไฮ้ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่พัฒนาระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

จึงเป็นที่มาของโครงการความร่วมมือด้านวิชาการในระบบโลจิสติกส์ และซัพพลายเชน  และการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ Double A Logistics Academy ขึ้น ณ วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ศูนย์การศึกษาจังหวัดนครปฐม  โดยศูนย์เรียนรู้นี้ จะประกอบไปด้วย ห้องปฎิบัติการคอมพิวเตอร์ ที่มีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พร้อมระบบเชื่อมต่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ระบบซอฟต์แวร์การจัดการ  โลจิสติกส์และซัพพลายเชนทั้งระบบ และห้องปฏิบัติการโลจิสติกส์ ที่จำลองการจัดการคลังสินค้าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง  รวมถึงห้องปฎิบัติการขายจริง (Point of Sales – POS) เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้แบบบูรณาการ และกระตุ้นให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้จากปฏิบัติการจริง รวมถึงเป็นศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติด้านโลจิสติกส์

ปัจจุบันภาครัฐกำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอล ซึ่งยุทธศาสตร์ดังกล่าวนับเป็นการผลักดันการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่ผสานโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ด้านเทคโนโลยีทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ และเทคโนโลยีการสื่อสารยุคดิจิตอลอย่างเป็นรูปธรรม ยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยมีภูมิประเทศตั้งอยู่ตรงกลาง และรอบล้อมไปด้วยประเทศสมาชิกต่างๆ ในสมาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ทำให้ไทยได้เปรียบจากการมีลักษณะพื้นที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมเป็น land link อีกทั้งยังมีขีดความสามารถในการพัฒนาประเทศรอบด้านมากกว่าประเทศในกลุ่ม CLMV จึงเอื้อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์  รวมถึงการเปิด AEC ส่งผลให้เกิดการจัดตั้งกลุ่มประเทศระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง(Greater Mekong Subregion Corridors ) ของ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมยึดโยงเข้าหากัน เป็นอีกหนึ่งเส้นทาง land link ยุทธศาสตร์สำคัญของการจัดการและบริหารระบบโลจิสติกส์ได้เป็นอย่างดี

นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กล่าวเสริมว่า การปฏิรูปโลจิสติกส์ยังสร้างโอกาสมหาศาลให้กับคนรุ่นใหม่เป็นรายบุคคล ที่จะพัฒนาธุรกิจใหม่ในฐานะ Start up ด้วยการนำนวัตกรรมมาพัฒนาระบบไอที ระบบแอพพลิเคชั่น   เพื่อสนับสนุนรองรับระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ซึ่งโอกาสได้เปิดกว้างขึ้นในการสร้างความมั่งคั่งของคนรุ่นใหม่ ตัวอย่างเช่น Uber Taxi แอพพลิเคชั่นที่เป็นบิสซิเนส โมเดลด้านโลจิสติกส์ ประเภทหนึ่งของ Start   up โดยจัดเป็นประเภท  Sharing Endures Resource ซึ่งเป็นการสนองความต้องการแก่ผู้บริโภคโดยนำนวัตกรรมเข้ามาเป็นเครื่องมือ เช่นเดียวกับ Uber ที่สนองความต้องการ (needs) ของผู้ใช้แท็กซี่ที่มีนวัตกรรมเข้ามาช่วย  ปัจจุบัน Uber ให้บริการใน 68 ประเทศ มากกว่า 400 เมือง มีคนขับในระบบ 1.2 ล้านคน และมีผู้ใช้บริการหลัก 10 ล้านคน โดยในประเทศไทยมีคนขับในเครือข่ายมากกว่า 35,000 คน

เช่นเดียวกันกับ Alibaba.com เว็บไซต์ขายส่งสัญชาติจีนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งเป็นศูนย์รวมโรงงานในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นทางออกในการรองรับการค้าขายที่เหมาะสมที่สุด ช่องทางหนึ่ง และเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งสินค้าเหล่านั้นกระจายสู่ทั่วโลกในรูปแบบ  Business to Business หรือ B2B ดังนั้นยังมีอีกหลายบิซิเนส โมเดล ที่รอให้นักศึกษา หรือคนรุ่นใหม่เข้ามาค้นหาโอกาสและช่องทางในการสร้างธุรกิจใหม่ๆ และพัฒนาระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนให้เกิดขึ้นในวงการธุรกิจไทย "

รศ.ดร. ฤาเดช เกิดวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กล่าวว่า   “มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มีนโนยบายมุ่งพัฒนาคน อันเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ควรส่งเสริมองค์ความรู้ให้เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จึงได้เกิดเป็นความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษากับภาคธุรกิจเพื่อร่วมกันพัฒนาการเรียนการสอนที่มุ่งมั่นในการผลิตนักศึกษาให้สามารถรองรับกับความต้องการของภาคธุรกิจที่ต้อง เผชิญความท้าทายรอบด้าน และกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างเหมาะสม  ดังนั้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทางมหาวิทยาลัยเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และห้องปฏิบัติการขายที่มหาวิทยาลัย ได้รับมอบจากดั๊บเบิ้ล เอ จะเป็นเครื่องมือที่ติดอาวุธให้กับนักศึกษา สาขาโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ในการยกระดับการเรียนการสอนพัฒนาหลักสูตรจากการศึกษาผ่านประสบการณ์จริงจากบุคลากรและกระบวนการดำเนินงานจริงของดั๊บเบิ้ล เอ และผ่านการจำลองร้านค้า เครื่องเขียน และร้านถ่ายเอกสารของดั๊บเบิ้ล เอ ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้ การบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และเมื่อนักศึกษารุ่นนี้จบออกไปพวกเขาเหล่านี้จะกลายเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ยุคใหม่ให้ก้าวหน้าทันสมัยรองรับความท้าทายที่ต้องเผชิญต่อความเปลี่ยนแปลงรอบด้านในปัจจุบัน"

กิตติพงศ์ ธารปราบ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาการจัดการโลจิสติกส์ อายุ 20 ปี กล่าวว่า การจัดตั้ง Double A Logistics Academy เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ มีคุณค่า ที่ทำให้พวกเขาเห็นภาพการเรียนรู้ระบบการบริหารจัดการโลจิสติกส์จากประสบการณ์จริงอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้นักศึกษาอีกหลายคนมีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่าพวกเขาและเธอมีแรงบันดาลใจในการก้าวเข้ามาเรียนสาขาวิชานี้จากการที่เป็นคนชอบการเดินทาง รักการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง และมีความเห็นว่า การเรียนสาขาวิชานี้จะทำให้บริหารจัดการสินค้าและผลิตภัณฑ์อย่างเป็นระบบ สร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมีศักยภาพมาตรฐานในระดับสากล การจัดการโลจิสติกส์ที่ดีสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับบริการลูกค้า และมูลค่าทางการค้า แต่ปัจจุบันกิจกรรมโลจิสติกส์ยังมีต้นทุนสูง ธุรกิจในประเทศไทยโดยรวมมีการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมโลจิสติกส์ คิดเป็น 14.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือประมาณ 1,835 พันล้านบาท การบริหารจัดการโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นกุญแจสำคัญของการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ และการพัฒนาเศรษฐกิจไทย จากผลการสำรวจของธนาคารโลก (World Bank) ประเทศไทยมีสมรรถนะการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ (Logistics Performance Index (LPI) ต่ำกว่าหลายๆ ประเทศในภูมิภาคนี้ โดยเมื่อปี 2557 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 35 สิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 5 และมาเลเซียอยู่ในอันดับที่ 25 จากทั้งหมด 160 ประเทศ ในขณะที่การเปิดการค้าเสรีอาเซียนที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ AEC จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจในระดับเวทีสากล จึงจำเป็นที่ประเทศไทยทุกภาคส่วน ต้องร่วมกันปรับตัว และทำให้ข้อได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ที่ไทยมีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ มาทำให้เกิดประโยชน์ในการผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแห่งอาเซียนสืบไป

 

ภาพประกอบสกู๊ป

ข่าวประชาสัมพันธ์

Double A ร่วมสนับสนุนงาน World Expo 2020 Dubai ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลสู่สายตาทั่วโลก

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกิจกรรม “Thailand Pavilion Launch & Networking Reception” ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) งาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 มหกรรมงานระดับโลก ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 -31 มีนาคม 2565 ณ เมืองดูไบ เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่น ส่งเสริม และสร้างโอกาสใหม่สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยผ่านการลงทุน การค้า สู่สายตาประชาคมโลก โดยมี นายวราวุธ ภู่อภิญญา (คนกลาง) เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรม ณ โรงแรมดุสิตธานี ดูไบ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัว “กระดาษคราฟท์” พร้อมจำหน่าย รองรับตลาดอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “กระดาษคราฟท์” เพื่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ กำลังการผลิต 250,000 ตันต่อปี พร้อมทำการตลาดและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ 3,000 ล้านบาทต่อปี นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดเผยว่า ความต้องการกระดาษคราฟท์ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกมีประมาณ 164 ล้านตันต่อปี และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเฉลี่ยประมาณปีละ 2.5 % โดยตลาดในแถบเอเชียแปซิฟิค ถือเป็นตลาดที่มีความต้องการบริโภคกระดาษคราฟท์มากที่สุดในโลก หรือเกือบครึ่งหนึ่งของโลก และเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิคที่ไม่รวมประเทศจีน ก็มีความต้องการมากถึง 30 ล้านตันต่อปี และมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ 4 % ต่อปี ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดกระดาษคราฟท์มาตั้งแต่ปี 2562 โดยมีการลงทุนสร้างโรงเยื่อ RECYCLE PULP (RCP) แห่งใหม่ขึ้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยงบลงทุน 1,000 ล้านบาท มีการเดินเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว และได้ปรับกระบวนการผลิตของโรงกระดาษที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงโรงกระดาษ 1 ที่จังหวัดปราจีนบุรี มาผลิตกระดาษคราฟท์ กำลังการผลิตอยู่ที่ 250,000 ตันต่อปี และมีผลิตภัณฑ์แรกที่พร้อมจำหน่ายแล้ว คือ กระดาษคราฟท์เพื่อทำลอนกล่องลูกฟูก CORRUGATED MEDIUM (CM) สำหรับการทำตลาดกระดาษคราฟท์นั้น ดั๊บเบิ้ล เอ วางแผนทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มจากประเทศในแถบเอเชียก่อน โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการที่ดั๊บเบิ้ล เอ มีเครือข่ายการตลาดทั่วโลก นอกจากนี้ กำลังการผลิตส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานกล่องกระดาษของดั๊บเบิ้ล เอ ด้วย เพื่อทดแทนการใช้วัตถุดิบจากภายนอก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับดั๊บเบิ้ล เอ ได้ไม่น้อยกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท และช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของดั๊บเบิ้ล เอ มากขึ้น เนื่องจากตลาดกระดาษเพื่อบรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ปัจจุบัน ดั๊บเบิ้ล เอ มีผลิตภัณฑ์หลัก คือ เยื่อกระดาษใยสั้น กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษสำนักงาน และผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มกระดาษ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มทั่วไป ได้แก่ ปากกา ปากกาเน้นข้อความ ปากกาลบคำผิด เครื่องเย็บกระดาษ กระเป๋าผ้า ซึ่งมีการจำหน่ายในทุกช่องทาง รวมทั้งช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ delivery.doubleapaper.com ซึ่งบริการเดลิเวอรี่ส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานในยุค New Normal สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียดของผลิตภัณฑ์กระดาษคราฟท์ สามารถสอบถามและสั่งซื้อได้ที่โทร.085 835 3794 (สำหรับลูกค้าในประเทศ) และโทร.085 835 4098 (สำหรับลูกค้าต่างประเทศ)

ดั๊บเบิ้ล เอ สร้างปรากฏการณ์สุดเจ๋งใน MV วง OK GO ตอกย้ำกระดาษคุณภาพที่ผู้ใช้ทั่วโลกไว้วางใจ

ปรากฏการณ์ใหม่ระดับโลกเมื่อดั๊บเบิ้ล เอจับมือกับศิลปินวง OK GO วงดนตรีสุดครีเอท แนวอัลเทอร์เนทีฟร็อก จากสหรัฐอเมริกา ที่มีผลงานเพลงและมิวสิค วิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางสร้างเซอร์ไพร์สให้กับแฟนเพลงทั่วโลกอีกครั้ง ในมิวสิควิดีโอเพลง Obsession ด้วยเทคนิค Paper Mapping เป็นครั้งแรกของโลก โชว์คุณภาพดั๊บเบิ้ล เอ ที่ส่งออกไปแล้วกว่า 130 ประเทศ โดยศิลปิน OK GO ได้สัมผัสถึงความเรียบลื่นและคุณสมบัติเด่นของกระดาษดั๊บเบิ้ล เอที่ สามารถพรินต์ออกมาโดยไร้อุปสรรคใดๆ จนเกิดแรงบันดาลใจ“OBSESSION for Smoothness” ในการนำมาสร้างสรรค์ฉากอลังการที่น่าตื่นตาตื่นใจในมิวสิควิดีโอชุดนี้ ซึ่งดั๊บเบิ้ล เอ เห็นถึงความเป็นสากลของดนตรีและความคิดสร้างสรรค์ของวง OK GO ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ๆ สื่อสารภาพลักษณ์ ที่เฟรชขึ้น สนุกขึ้น แต่ยังคงหนักแน่นในเรื่องคุณภาพสินค้าที่ทุกคนไว้วางใจ

ดั๊บเบิ้ล เอ รวมพลังคนไทย ร่วมปิดไฟลดโลกร้อน Earth Hour 31 มี.ค.นี้

ดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษจากคันนา ชวนคนไทยรวมพลังร่วมปิดไฟให้โลกพัก ในโครงการ Earth Hour 2012 พร้อมกันทั่วโลก ในวันเสาร์ที่ 31 มีนาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 20.30-21.30 น.เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ได้รณรงค์ให้สำนักงานและเครือข่ายดั๊บเบิ้ล เอ ทั่วโลก รวมทั้งพนักงานของดั๊บเบิ้ล เอ และชุมชนโดยรอบ ร่วมปิดไฟในครั้งนี้ด้วย เพื่อสร้างจิตสำนึกกระตุ้นให้ทุกคนช่วยกันดูแลโลกของเรามากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาโลกร้อน ทั้งนี้ดั๊บเบิ้ล เอ ยังได้เดินหน้ารณรงค์ลดโลกร้อนที่มากกว่าการปิดไฟมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ร่วมเป็นองค์กรประหยัดพลังงาน ที่ส่งเสริมให้พนักงานในองค์กรปรับพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าและปรับปรุงอาคารสำนักงานเพื่อลดการใช้พลังงาน เป็นต้น

ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ ชวนคนไทยสร้างสุขที่ยั่งยืนจัดทัพเหล่ากูรูด้านสุขภาพและความงาม ให้ข้อคิดดีๆ ในงาน "มหัศจรรย์แห่งความสุข"

"ความสุข" คำสั้นๆ ที่ทุกคนในโลกนี้ต่างเสาะแสวงหา แต่หลายคนคงสงสัยว่า "ความสุข" คืออะไร บางคนว่าความสุข คือ ทรัพย์สิน เงินทอง เกียรติยศ การห้อมล้อมไปด้วยคนรัก ซึ่งต่างคนก็ต่างความคิด และต่างเหตุผลที่จะแสวงหาความสุขให้กับตัวเอง แต่หลายคนคงจะไม่รู้ว่า ความสุขที่แท้จริงนั้น ไม่ได้หายากอย่างที่ใครหลายๆ คนคิด แต่ความสุขที่แท้จริงกับอยู่ที่ใจของเรากำหนดเอง คุณแม่จูงลูกมาร่วมกิจกรรมดีๆ ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนได้มีความสุขอย่างยั่งยืน ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ จึงได้จัดเสวนา "มหัศจรรย์แห่งความสุข" เนรมิตเมืองหนังสือเป็นเมืองแห่งความสุขกับกิจกรรมดีๆ ที่เหล่าวิทยากรด้านสุขภาพมาร่วมให้เคล็ดลับการมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ โดยในงานเสวนาได้รับเกียรติจาก นายแพทย์วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลนครธน และ คุณสุนีรัตน์ ไม้ทิม บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร Simply Living ได้แนะวิธีการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง เพื่อสร้างความสุขที่ยั่งยืนว่า นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร และ คุณสุนีรัตน์ ไม้ทิม แนะเคล็ดลับการมีสุขภาพที่ดี "ร่างกายที่แข็งแรงต้องเริ่มมาจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกาย ซึ่งปัจจุบันคนเราป่วยเป็นโรคแปลกๆมากขึ้น เพราะเราขาดสองสิ่งนี้ และคนทำงานในปัจจุบันยังนิยมเป็นโรค "ออฟฟิศ ซินโดรม" ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการทำงานในท่าเดิมนานๆ ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งการจะรักษาให้หายจากโรคนี้ได้ เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง รู้จักพักผ่อนร่างกายและกล้ามเนื้อ เพราะเวลาทำงาน สมองและกล้ามเนื้อเกิดอาการตึงเครียด เราจึงต้องออกกำลังกาย นอนพักผ่อนให้เพียงพอ นอกจากนี้ คนในยุคปัจจุบันยังไม่ค่อยรับประทานผักและผลไม้ บริโภคแต่วิตามินอัดเม็ด ซึ่งวิตามินเหล่านั้นไม่สามารถชดเชยวิตามินจากอาหารธรรมชาติได้อย่างที่คนทั่วไปคิด" บรรยากาศงานมหัศจรรย์แห่งความสุข นอกจากนี้ ยังได้รู้เทคนิคการยืดเส้นยืดสายง่ายๆ ที่สามารถฝึกได้เองใช้เวลาแค่วันละ 10 นาที จากคุณอาภาลักษณ์ พรรคสายชล ผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดชั้นนำของเมืองไทย โดยมีท่าบริหาร อย่างการบริหารข้อมือด้วยการยื่นแขนไปข้างหน้า กางนิ้วมือออก เกร็งไว้สักครู่ สลับกับกำมือ ประมาณ 10 ครั้ง หรือท่าบริหารคอ โดยก้มศีรษะให้คางจรดกับหน้าอก ให้รู้สึกตึงบริเวณคอด้านหลัง ค้างไว้ 5-10 วินาที นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์นานๆ ควรเตือนตัวเอง ให้เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์บ้าง โดยให้มองออกไปไกลๆทุก 20 นาทีเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าของสายตา และผ่อนคลายความตึงเครียดอันเป็นสาเหตุของโรคออฟฟิศ ซินโดรมนี้ โรงพยาบาลนครธนมาร่วมตรวจสุขภาพกาย และเมื่อร่างกายได้รับอาหารดีมีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างถูกต้องแล้ว ก็ต้องรู้จักการบริหารใจให้ดีอีกด้วย ซึ่งงานนี้ "ดีเจพี่อ้อย" คุณนภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ดีเจชื่อดังจากคลื่นกรีนเวฟ มาร่วมพูดคุยในหัวข้อ "สุขใจ สบายกาย" ซึ่งมาแนะนำวิธีการดีๆในการสร้างกำลังใจให้ตนเอง และรู้จักคิดบวกในสถานการณ์ต่างๆ ว่า "ดีเจพี่อ้อย" ร่วมพูดคุยวิธีสร้างเสริมกำลังใจ "คนเราทุกคนย่อมมีสภาวะจิตใจที่ต่างกัน มีวิธีคิดต่างกัน และก็ย่อมมีความสุข ความทุกข์ที่ต่างกันด้วย ดังเช่นในเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา คนต่างจังหวัดที่เคยประสบปัญหาอุทกภัย ต่างรับมือได้ และทุกข์น้อยกว่าคนกรุงเทพฯ ทั้งที่คนกรุงเทพฯน้ำมาสูงแค่เข่าเท่านั้นก็รู้สึกเป็นทุกข์มากเลย จากเหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า หากเราเข้าใจปัญหาทุกอย่าง สร้างกำลังใจให้เกิดความรู้สึกที่ดีขึ้น เริ่มมองเห็นทางออกของปัญหา ยอมรับกับมันก็จะช่วยให้ปัญหาเหล่านั้นคลี่คลายจากหนักก็กลายเป็นเบาขึ้น ความสุขก็จะมีมาเอง แต่สิ่งที่ทุกคนประสบอยู่ นั่นคือ เข้าใจปัญหาดีอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถพาตนเองออกจากปัญหาหรือความทุกข์นั้นได้" ปัจจุบันปัญหาที่ผู้ฟังรายการ Club Friday มากที่สุด อันดับหนึ่งก็คือ เรื่องความรัก โดยเฉพาะการไปรักคนมีเจ้าของ ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดศีลธรรมแต่ก็ยังพร้อมจะทำผิดศีลธรรมต่อไป และหลายๆคนยังเข้าใจผิดระหว่างคำว่า "คิดบวก" กับ "หลอกตนเอง" ซึ่งคิดบวกมากเกินไปก็อันตราย การคิดบวกนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง อย่างผู้หญิงคนหนึ่งชอบแต่งตัวเซ็กซี่ๆ แล้ววันหนึ่งคิดว่า เดินผ่านบริเวณที่มีการก่อสร้างหรือที่เปลี่ยวๆ คงไม่โดนข่มขืนหรอก เพราะคิดบวกโดยไม่ได้คิดอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ถือว่าเป็นการหลอกตนเอง จริงๆแล้ว การคิดบวกคือการคิดไม่ประมาท และคิดเผื่อในด้านลบด้วยแล้วเตรียมรับมือกับสิ่งนั้น อย่างในกรณีนี้ เราควรคิดกลับกันว่า ถ้าไปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับชั้นล่ะ ทำไมเราไม่เปลี่ยนเส้นทางเดินไปที่อื่นแทนการเดินทางไปยังที่ไม่ปลอดภัย หรือสถานที่เปลี่ยวๆ ยามค่ำคืน แต่หากเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรแต่งตัวให้มิดชิดสักหน่อย" ข้อคิดดีๆ ที่ดีเจพี่อ้อยกล่าวทิ้งท้ายให้กับผู้ที่เข้าร่วมฟังการเสวนา คุณจิรัฏฐ์ ฉายะจินดาวงศ์ กับเวิร์คชอป ซุปและสลัดเพื่อ หลังจากฟังวิธีการสร้างสุขที่ยั่งยืน สุขที่มาจากภายในกันแล้ว ในวันนั้น คุณจิรัฏฐ์ ฉายะจินดาวงศ์ อดีตกองบรรณาธิการ Health & Cuisine Magazine ที่ปัจจุบันเป็นกูรูสอนทำอาหารอิสระใน www.facebook.com/thebakingstory ยังได้มาร่วมสาธิตการทำซุปและสลัดเพื่อสุขภาพ ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ซึ่งผู้ร่วมงานได้เข้าร่วมเวิร์กชอปทำอาหารร่วมกัน ทั้งเด็กๆ และผู้ปกครองต่างสนุกสนานประชันฝีมือทำอาหารกันอย่างน่าทานทีเดียว นอกจากนี้ สำหรับคนที่รักการอ่าน ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ยังจัดโซนหนังสือเพื่อสร้างความสุขทางด้านจิตใจและหนังสือสุขภาพต่างๆ มาแนะนำให้ผู้อ่านที่สนใจเลือกซื้อเลือกหาจากหลากหลายสำนักพิมพ์ ติดตามกิจกรรมดีๆ แบบนี้ ได้ที่ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ เมืองหนังสือบนถนนสาทร 12 หรือ www.DoubleAbooktower.com

จับรางวัลครั้งที่ 1 แคมเปญดั๊บเบิ้ล เอ ดั๊บเบิ้ล เฮ เที่ยวฟรีช้อปฟรีที่เกาหลี

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทดั๊บเบิ้ล เอ ( 1991 ) จำกัด (มหาชน) จับรางวัลมอบโชคครั้งที่ 1 ให้กับผู้โชคดี 5 คู่แรก ในแคมเปญ "ดั๊บเบิ้ล เอ ดั๊บเบิ้ล เฮ เที่ยวฟรี ช้อปฟรีที่เกาหลี 10 ล้านวอน" เพื่อรับรางวัลช้อปฟรีและแพ็คเกจท่องเที่ยวประเทศเกาหลีคู่ละ 10 ล้านวอน จำนวน 35 คู่ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 350 ล้านวอน เพียงตัดชิ้นส่วนเปลือกห่อกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ A4 80 แกรม หรือ ดั๊บเบิ้ล เอ คัลเลอร์ พริ้นท์ ขนาด 500 แผ่น พร้อมเขียนชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ รวมถึงชื่อร้านค้า พร้อมจังหวัดและราคาที่ซื้อ แล้วส่งมาที่ ตู้ ปณ.10 ปณ.บางปะกง ฉะเชิงเทรา 24130 โดยจับรางวัลทุกเดือนรวม 7 ครั้ง หมดเขตรับชิ้นส่วน 20 กันยายน 2555 ติดตามรายละเอียดและรายชื่อผู้โชคดีได้ที่ www.DoubleApaper.com หรือ 1759 ดั๊บเบิ้ล เอ ฮอตไลน์

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับคณะสำนักงานอุตสาหกรรม จังหวัดลพบุรี

ดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษจากคันนาเพื่อลดโลกร้อน ที่มีจำหน่ายกว่า 100 ประเทศทั่วโลก เปิดบ้านต้อนรับคณะเยี่ยมชมจากสำนักงานอุตสาหกรรม จังหวัดลพบุรี เพื่อเข้าเยี่ยมชมเทคโนโลยีการผลิตกระดาษอันทันสมัยและใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมสนุกกับภาพยนตร์แบบ 4 มิติ เพื่อเรียนรู้โมเดล "กระดาษจากคันนา" มาตรฐานใหม่ของโลกในการผลิตกระดาษที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถสร้างงานและสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรกว่า 1.5 ล้านราย ในการปลูกต้นกระดาษบนคันนาหรือตามพื้นที่ว่างทางการเกษตรที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ และเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการแก้ปัญหาโลกร้อน เพราะกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ ทุก 1 รีมจะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากบรรยากาศ 12.5 กิโลกรัม

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับรับคณะนักเรียนและคณาจารย์โรงเรียนสวนศรีวิทยา จังหวัดชุมพร

ดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษจากคันนาเพื่อลดโลกร้อน เปิดบ้านต้อนรับคณะนักเรียนและคณาจารย์โรงเรียนสวนศรีวิทยา จังหวัดชุมพร เยี่ยมชมกระบวนการผลิตเยื่อและกระดาษที่ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยกระดาษดั๊บเบิ้ล เอทุก 1 รีมสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 12.5 กิโลกรัม อีกทั้งได้เรียนรู้ปรัชญาการผลิตแบบ "ของเหลือใช้ ไม่ถูกทิ้งให้ไร้ค่า" ผ่านการบรรยายและสื่อภาพยนตร์ 4 มิติ ทำให้คณะผู้เยี่ยมชมได้เข้าใจถึง "กระดาษบนคันนา" มากยิ่งขึ้น โดยนำผลพลอยได้จากการผลิต อาทิ เศษไม้ เปลือกไม้ น้ำมันยางไม้ ส่งไปใช้ประโยชน์เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ที่ทำให้ได้พลังงานไฟฟ้ามากเพียงพอสำหรับการผลิตและเหลือเพียงพอกับการใช้ของชุมชนอีก 400,000 ครัวเรือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ Double A Heroes ที่ผู้ใช้กระดาษทุกคนสามารถกลายเป็นฮีโร่ได้อย่างง่ายๆ

โวยาจพาเที่ยว3 สไตล์ ใกล้กรุง

โวยาจ นิตยสารท่องเที่ยวสำหรับคนทำงานรุ่นใหม่ พาไปเที่ยวนอนดูฟ้าใส ท้าแดดสวย ใกล้ๆ กรุง กับ 3 เส้นทาง 3 สไตล์การท่องเที่ยว ได้แก่ นอนเอนกาย ดูดาว เข้าโบราณสถาน เข้าวัดและพิพิธภัณฑ์ที่เขาใหญ่ ว่ายน้ำกลางทะเลใสๆ นอนอาบแดด เดินเล่นบนชายหาดขาวๆ ที่เกาะล้าน หรือไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยที่องค์พระปฐมเจดีย์ ก่อนจะแวะชมหุ่นขี้ผึ้งและช้อปชิมอาหารอร้อยอร่อยและที่นครปฐม 3 เส้นทางสุดฮิตที่เรียกได้ว่า ไม่ไกล ไปง่าย และเที่ยวได้ทั้งครอบครัว นอกจากนี้ยังแถมอีก 3 ทริปผจญภัย เริ่มต้นไปดำน้ำที่เกาะทะลุ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตามด้วย Unseen in Thailand พาขึ้นเขาสามพันโบก จ.อุบลราชธานี และปิดท้ายด้วยไปชิมน้ำตาลมะพร้าว หอมหวาน ที่แม่กลอง จ.สมุทรสงคราม