Follow us

ดั๊บเบิ้ล เอ จับมือ สวนสุนันทา หนุนไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งอาเซียน (Hub of CLMV) ตั้งศูนย์การเรียนรู้ Double A Logistics Academy

"หนึ่งในแกนหลักของการแข่งขัน และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ คือ ระบบโลจิสติกส์ ประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น อาจไม่ใช่ประเทศที่มีความมั่งคั่ง ร่ำรวยทรัพยากรแต่อย่างใด แต่เป็นประเทศที่มีความเป็นผู้นำด้านระบบโลจิสติกส์”

คำบรรยายพิเศษ ของ นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ ในโอกาสเปิดศูนย์เรียนรู้ Double A Logistics Academy

 

นับเป็นปรากฏการณ์ความร่วมมือครั้งแรกของภาคเอกชนกับสถาบันการศึกษา ระหว่าง ดั๊บเบิ้ล เอ โดยนายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการผู้จัดใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน)  และ วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนของประเทศไทย พร้อมๆ กับการเร่งสร้างทรัพยากรบุคลากรด้านโลจิสติกส์ให้เติบโต  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการค้า และนำพาประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแห่งอาเซียน (Hub of CLMV) โดยมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ ดังเช่นเมืองหลักสำคัญของโลก อาทิ นครร็อตเตอร์ดัม แห่งเนเธอร์แลนด์ นครนิวเจอร์ซี่  แห่งสหรัฐอเมริกา และนครเซี่ยงไฮ้ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่พัฒนาระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

จึงเป็นที่มาของโครงการความร่วมมือด้านวิชาการในระบบโลจิสติกส์ และซัพพลายเชน  และการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ Double A Logistics Academy ขึ้น ณ วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ศูนย์การศึกษาจังหวัดนครปฐม  โดยศูนย์เรียนรู้นี้ จะประกอบไปด้วย ห้องปฎิบัติการคอมพิวเตอร์ ที่มีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พร้อมระบบเชื่อมต่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ระบบซอฟต์แวร์การจัดการ  โลจิสติกส์และซัพพลายเชนทั้งระบบ และห้องปฏิบัติการโลจิสติกส์ ที่จำลองการจัดการคลังสินค้าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง  รวมถึงห้องปฎิบัติการขายจริง (Point of Sales – POS) เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้แบบบูรณาการ และกระตุ้นให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้จากปฏิบัติการจริง รวมถึงเป็นศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติด้านโลจิสติกส์

ปัจจุบันภาครัฐกำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอล ซึ่งยุทธศาสตร์ดังกล่าวนับเป็นการผลักดันการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่ผสานโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ด้านเทคโนโลยีทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ และเทคโนโลยีการสื่อสารยุคดิจิตอลอย่างเป็นรูปธรรม ยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยมีภูมิประเทศตั้งอยู่ตรงกลาง และรอบล้อมไปด้วยประเทศสมาชิกต่างๆ ในสมาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ทำให้ไทยได้เปรียบจากการมีลักษณะพื้นที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมเป็น land link อีกทั้งยังมีขีดความสามารถในการพัฒนาประเทศรอบด้านมากกว่าประเทศในกลุ่ม CLMV จึงเอื้อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์  รวมถึงการเปิด AEC ส่งผลให้เกิดการจัดตั้งกลุ่มประเทศระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง(Greater Mekong Subregion Corridors ) ของ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมยึดโยงเข้าหากัน เป็นอีกหนึ่งเส้นทาง land link ยุทธศาสตร์สำคัญของการจัดการและบริหารระบบโลจิสติกส์ได้เป็นอย่างดี

นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กล่าวเสริมว่า การปฏิรูปโลจิสติกส์ยังสร้างโอกาสมหาศาลให้กับคนรุ่นใหม่เป็นรายบุคคล ที่จะพัฒนาธุรกิจใหม่ในฐานะ Start up ด้วยการนำนวัตกรรมมาพัฒนาระบบไอที ระบบแอพพลิเคชั่น   เพื่อสนับสนุนรองรับระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ซึ่งโอกาสได้เปิดกว้างขึ้นในการสร้างความมั่งคั่งของคนรุ่นใหม่ ตัวอย่างเช่น Uber Taxi แอพพลิเคชั่นที่เป็นบิสซิเนส โมเดลด้านโลจิสติกส์ ประเภทหนึ่งของ Start   up โดยจัดเป็นประเภท  Sharing Endures Resource ซึ่งเป็นการสนองความต้องการแก่ผู้บริโภคโดยนำนวัตกรรมเข้ามาเป็นเครื่องมือ เช่นเดียวกับ Uber ที่สนองความต้องการ (needs) ของผู้ใช้แท็กซี่ที่มีนวัตกรรมเข้ามาช่วย  ปัจจุบัน Uber ให้บริการใน 68 ประเทศ มากกว่า 400 เมือง มีคนขับในระบบ 1.2 ล้านคน และมีผู้ใช้บริการหลัก 10 ล้านคน โดยในประเทศไทยมีคนขับในเครือข่ายมากกว่า 35,000 คน

เช่นเดียวกันกับ Alibaba.com เว็บไซต์ขายส่งสัญชาติจีนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งเป็นศูนย์รวมโรงงานในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นทางออกในการรองรับการค้าขายที่เหมาะสมที่สุด ช่องทางหนึ่ง และเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งสินค้าเหล่านั้นกระจายสู่ทั่วโลกในรูปแบบ  Business to Business หรือ B2B ดังนั้นยังมีอีกหลายบิซิเนส โมเดล ที่รอให้นักศึกษา หรือคนรุ่นใหม่เข้ามาค้นหาโอกาสและช่องทางในการสร้างธุรกิจใหม่ๆ และพัฒนาระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนให้เกิดขึ้นในวงการธุรกิจไทย "

รศ.ดร. ฤาเดช เกิดวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กล่าวว่า   “มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มีนโนยบายมุ่งพัฒนาคน อันเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ควรส่งเสริมองค์ความรู้ให้เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จึงได้เกิดเป็นความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษากับภาคธุรกิจเพื่อร่วมกันพัฒนาการเรียนการสอนที่มุ่งมั่นในการผลิตนักศึกษาให้สามารถรองรับกับความต้องการของภาคธุรกิจที่ต้อง เผชิญความท้าทายรอบด้าน และกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างเหมาะสม  ดังนั้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทางมหาวิทยาลัยเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และห้องปฏิบัติการขายที่มหาวิทยาลัย ได้รับมอบจากดั๊บเบิ้ล เอ จะเป็นเครื่องมือที่ติดอาวุธให้กับนักศึกษา สาขาโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ในการยกระดับการเรียนการสอนพัฒนาหลักสูตรจากการศึกษาผ่านประสบการณ์จริงจากบุคลากรและกระบวนการดำเนินงานจริงของดั๊บเบิ้ล เอ และผ่านการจำลองร้านค้า เครื่องเขียน และร้านถ่ายเอกสารของดั๊บเบิ้ล เอ ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้ การบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และเมื่อนักศึกษารุ่นนี้จบออกไปพวกเขาเหล่านี้จะกลายเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ยุคใหม่ให้ก้าวหน้าทันสมัยรองรับความท้าทายที่ต้องเผชิญต่อความเปลี่ยนแปลงรอบด้านในปัจจุบัน"

กิตติพงศ์ ธารปราบ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาการจัดการโลจิสติกส์ อายุ 20 ปี กล่าวว่า การจัดตั้ง Double A Logistics Academy เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ มีคุณค่า ที่ทำให้พวกเขาเห็นภาพการเรียนรู้ระบบการบริหารจัดการโลจิสติกส์จากประสบการณ์จริงอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้นักศึกษาอีกหลายคนมีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่าพวกเขาและเธอมีแรงบันดาลใจในการก้าวเข้ามาเรียนสาขาวิชานี้จากการที่เป็นคนชอบการเดินทาง รักการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง และมีความเห็นว่า การเรียนสาขาวิชานี้จะทำให้บริหารจัดการสินค้าและผลิตภัณฑ์อย่างเป็นระบบ สร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมีศักยภาพมาตรฐานในระดับสากล การจัดการโลจิสติกส์ที่ดีสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับบริการลูกค้า และมูลค่าทางการค้า แต่ปัจจุบันกิจกรรมโลจิสติกส์ยังมีต้นทุนสูง ธุรกิจในประเทศไทยโดยรวมมีการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมโลจิสติกส์ คิดเป็น 14.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือประมาณ 1,835 พันล้านบาท การบริหารจัดการโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นกุญแจสำคัญของการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ และการพัฒนาเศรษฐกิจไทย จากผลการสำรวจของธนาคารโลก (World Bank) ประเทศไทยมีสมรรถนะการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ (Logistics Performance Index (LPI) ต่ำกว่าหลายๆ ประเทศในภูมิภาคนี้ โดยเมื่อปี 2557 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 35 สิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 5 และมาเลเซียอยู่ในอันดับที่ 25 จากทั้งหมด 160 ประเทศ ในขณะที่การเปิดการค้าเสรีอาเซียนที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ AEC จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจในระดับเวทีสากล จึงจำเป็นที่ประเทศไทยทุกภาคส่วน ต้องร่วมกันปรับตัว และทำให้ข้อได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ที่ไทยมีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ มาทำให้เกิดประโยชน์ในการผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแห่งอาเซียนสืบไป

 

ภาพประกอบสกู๊ป

ข่าวประชาสัมพันธ์

Double A ร่วมสนับสนุนงาน World Expo 2020 Dubai ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลสู่สายตาทั่วโลก

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกิจกรรม “Thailand Pavilion Launch & Networking Reception” ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) งาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 มหกรรมงานระดับโลก ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 -31 มีนาคม 2565 ณ เมืองดูไบ เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่น ส่งเสริม และสร้างโอกาสใหม่สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยผ่านการลงทุน การค้า สู่สายตาประชาคมโลก โดยมี นายวราวุธ ภู่อภิญญา (คนกลาง) เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรม ณ โรงแรมดุสิตธานี ดูไบ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัว “กระดาษคราฟท์” พร้อมจำหน่าย รองรับตลาดอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “กระดาษคราฟท์” เพื่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ กำลังการผลิต 250,000 ตันต่อปี พร้อมทำการตลาดและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ 3,000 ล้านบาทต่อปี นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดเผยว่า ความต้องการกระดาษคราฟท์ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกมีประมาณ 164 ล้านตันต่อปี และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเฉลี่ยประมาณปีละ 2.5 % โดยตลาดในแถบเอเชียแปซิฟิค ถือเป็นตลาดที่มีความต้องการบริโภคกระดาษคราฟท์มากที่สุดในโลก หรือเกือบครึ่งหนึ่งของโลก และเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิคที่ไม่รวมประเทศจีน ก็มีความต้องการมากถึง 30 ล้านตันต่อปี และมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ 4 % ต่อปี ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดกระดาษคราฟท์มาตั้งแต่ปี 2562 โดยมีการลงทุนสร้างโรงเยื่อ RECYCLE PULP (RCP) แห่งใหม่ขึ้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยงบลงทุน 1,000 ล้านบาท มีการเดินเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว และได้ปรับกระบวนการผลิตของโรงกระดาษที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงโรงกระดาษ 1 ที่จังหวัดปราจีนบุรี มาผลิตกระดาษคราฟท์ กำลังการผลิตอยู่ที่ 250,000 ตันต่อปี และมีผลิตภัณฑ์แรกที่พร้อมจำหน่ายแล้ว คือ กระดาษคราฟท์เพื่อทำลอนกล่องลูกฟูก CORRUGATED MEDIUM (CM) สำหรับการทำตลาดกระดาษคราฟท์นั้น ดั๊บเบิ้ล เอ วางแผนทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มจากประเทศในแถบเอเชียก่อน โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการที่ดั๊บเบิ้ล เอ มีเครือข่ายการตลาดทั่วโลก นอกจากนี้ กำลังการผลิตส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานกล่องกระดาษของดั๊บเบิ้ล เอ ด้วย เพื่อทดแทนการใช้วัตถุดิบจากภายนอก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับดั๊บเบิ้ล เอ ได้ไม่น้อยกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท และช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของดั๊บเบิ้ล เอ มากขึ้น เนื่องจากตลาดกระดาษเพื่อบรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ปัจจุบัน ดั๊บเบิ้ล เอ มีผลิตภัณฑ์หลัก คือ เยื่อกระดาษใยสั้น กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษสำนักงาน และผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มกระดาษ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มทั่วไป ได้แก่ ปากกา ปากกาเน้นข้อความ ปากกาลบคำผิด เครื่องเย็บกระดาษ กระเป๋าผ้า ซึ่งมีการจำหน่ายในทุกช่องทาง รวมทั้งช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ delivery.doubleapaper.com ซึ่งบริการเดลิเวอรี่ส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานในยุค New Normal สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียดของผลิตภัณฑ์กระดาษคราฟท์ สามารถสอบถามและสั่งซื้อได้ที่โทร.085 835 3794 (สำหรับลูกค้าในประเทศ) และโทร.085 835 4098 (สำหรับลูกค้าต่างประเทศ)

ดั๊บเบิ้ล เอ สร้างปรากฏการณ์สุดเจ๋งใน MV วง OK GO ตอกย้ำกระดาษคุณภาพที่ผู้ใช้ทั่วโลกไว้วางใจ

ปรากฏการณ์ใหม่ระดับโลกเมื่อดั๊บเบิ้ล เอจับมือกับศิลปินวง OK GO วงดนตรีสุดครีเอท แนวอัลเทอร์เนทีฟร็อก จากสหรัฐอเมริกา ที่มีผลงานเพลงและมิวสิค วิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางสร้างเซอร์ไพร์สให้กับแฟนเพลงทั่วโลกอีกครั้ง ในมิวสิควิดีโอเพลง Obsession ด้วยเทคนิค Paper Mapping เป็นครั้งแรกของโลก โชว์คุณภาพดั๊บเบิ้ล เอ ที่ส่งออกไปแล้วกว่า 130 ประเทศ โดยศิลปิน OK GO ได้สัมผัสถึงความเรียบลื่นและคุณสมบัติเด่นของกระดาษดั๊บเบิ้ล เอที่ สามารถพรินต์ออกมาโดยไร้อุปสรรคใดๆ จนเกิดแรงบันดาลใจ“OBSESSION for Smoothness” ในการนำมาสร้างสรรค์ฉากอลังการที่น่าตื่นตาตื่นใจในมิวสิควิดีโอชุดนี้ ซึ่งดั๊บเบิ้ล เอ เห็นถึงความเป็นสากลของดนตรีและความคิดสร้างสรรค์ของวง OK GO ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ๆ สื่อสารภาพลักษณ์ ที่เฟรชขึ้น สนุกขึ้น แต่ยังคงหนักแน่นในเรื่องคุณภาพสินค้าที่ทุกคนไว้วางใจ

ดั๊บเบิ้ล เอ ชวนปันความสุขกันอย่างต่อเนื่องกับ "แต้มปันสุข ครั้งที่ 3"

ดั๊บเบิ้ล เอ จัดกิจกรรม "แต้มปันสุข ครั้งที่ 3" เชิญชวน​​ลูกค้ากระดาษดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมสแกน QR Code ข้างกล่อง ผ่านแอปพลิเคชั่น Double A QR Lucky หรือส่งรหัสด้านในห่อกระดาษ ผ่านช่องทาง Line@DoubleAThailand ​​เพื่อเป็นแต้มสะสม โดยทุก 10 แต้ม​ที่แลก จะเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์สเปรย์ Double A Care ขนาด 60 ml. จำนวน 1 ขวด และดั๊บเบิ้ล เอ​ ​สมทบเพิ่มให้อีก 60 ml. เพื่อส่ง​ต่อความห่วงใยและกำลังใจให้กับผู้ป่วยโรคเอดส์​ ​รวมถึงเด็กกำพร้าที่ได้รับผลกระทบ​และเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ป่วย​ ​ผ่านมูลนิธิธรรมรักษ์ (วัดพระบาทน้ำพุ) สำหรับผู้ที่สนใจสามารถร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ - 17 มี.ค. 65 ​ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Double A Club

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดขายหุ้นกู้ 1/2565 อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 4.85% ต่อปี

ดั๊บเบิ้ล เอ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2565 ไม่เกิน 3,000 ล้านบาท สำรองขายไม่เกิน 2,000 ล้านบาท กำหนดเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 17, 18 และ 21 กุมภาพันธ์ 2565 เผยธุรกิจกำไรโตรวม 3 ไตรมาส กำไรสุทธิ 1,057 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน แม้เผชิญวิกฤติโควิด-19 ขณะที่ทริสเรทติ้งจัดอันดับความน่าเชื่อถือให้เป็น BBB (Stable) สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) เสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1 / 2565 ให้ประชาชนทั่วไป ผู้ลงทุนสถาบัน และ/ หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยแบ่งเป็นหุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 4 ปี 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2569 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.25 ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2570 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.5 ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2572 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.85 ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุด มีหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขาย ไม่เกิน 3,000 ล้านบาท สำรองขายไม่เกิน 2,000 ล้านบาท สำหรับวัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อนำไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และ / หรือ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ฯ โดยก่อนหน้านี้ดั๊บเบิ้ล เอ ได้เผยผลประกอบการใน 3 ไตรมาสของปี 2564 มีกำไรสุทธิที่ 1,057 ล้านบาท เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน บริษัทมีการวางแผนปรับกลยุทธ์และปรับการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ ธุรกิจของดั๊บเบิ้ล เอ ได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาแบรนด์สินค้าเพื่อสุขอนามัย Double A Care ภายใต้แนวคิด “ห่วงใยกันและกัน ทำให้ใจแข็งแรง” อาทิ หน้ากากอนามัย , แอลกอฮอล์ , ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เป็นต้น และขยายการลงทุนในธุรกิจต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถในการแข่งขัน ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคและตลาดในยุคปัจจุบัน หุ้นกู้ดั๊บเบิ้ล เอ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564 เป็น BBB (Stable) สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมกระดาษ และแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อธุรกิจ ดั๊บเบิ้ล เอ ควบคู่การรักษาระดับความสามารถในการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน ผู้ที่สนใจสามารถแสดงความจำนงซื้อหุ้นกู้ดังกล่าวได้ระหว่างวันที่ 17,18 และ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 11 ราย ได้แก่ 1. บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด (YUANTA) 2. บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) (FNSR) 3. บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (UOBKH) 4. บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (GLOBLEX) 5. บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด (KTZ) 6. บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) 7. บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) 8. บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (ASP) 9. บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) (Nomura) 10. บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด (ASL) 11.บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คำเตือน : ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ดั๊บเบิ้ล เอ กำไรโต! ฝ่าวิกฤติโควิด-19

ดั๊บเบิ้ล เอ เผยรวม 3 ไตรมาสกำไรสุทธิ 1,057 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน สวนกระแสเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจ พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจใหม่ วางกลยุทธ์ช่องทางการตลาดเต็มรูปแบบ ตอบโจทย์คนยุคดิจิทัล นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในปีที่ผ่านมาเป็นอีกปีที่ ดั๊บเบิ้ล เอ จะต้องเผชิญกับพิษเศรษฐกิจซบเซาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเรามีการติดตามและวางแผนปรับกลยุทธ์บริหารจัดการได้รวดเร็วทันกับสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ทำให้ผลประกอบการใน 3 ไตรมาสของปี 64 มีกำไรสุทธิที่ 1,057 ล้านบาท เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน” ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อและกระดาษพิมพ์เขียน เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน และในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาได้เปิดธุรกิจใหม่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยแบรนด์ Double A Care ภายใต้แนวคิด “ห่วงใยกันและกัน ทำให้ใจแข็งแรง” อาทิ หน้ากากอนามัย , แอลกอฮอล์ , ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีในส่วนธุรกิจบริการงานพรินต์ Double A Fastprint ที่สามารถพรินต์งานได้ด้วยตัวคุณเองผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะพรินต์แบบขาวดำหรือแบบสีด้วยกระดาษคุณภาพดั๊บเบิ้ล เอ สะดวกรวดเร็ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเมื่อไร มีจุดบริการทั่วประเทศ 1,950 จุด และล่าสุดได้เพิ่มช่องทางการชำระเงินในรูปแบบคริปโตให้กับผู้ใช้บริการ Double A Fastprint ในสกุลเงินดิจิทัลไม่ว่าจะเป็น Bitcoin, Etherum ,USDT เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ ที่มีการพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตในกระแสโลกดิจิทัล รวมถึงการวางกลยุทธ์ช่องทางการขายรูปแบบใหม่ อาทิ การสั่งซื้อสินค้าผ่าน E-Commerce ทั้งเว็บไซต์ดั๊บเบิ้ล เอ ดิลิเวอรี่ ช่องทางร้านค้าออนไลน์ใน E-Marketplace การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ "Chat & Shop" บนแอปพลิเคชั่น Line สามารถสั่งซื้อสินค้าได้สะดวกง่ายขึ้น และมีการเปิดตัว “ตู้กดสินค้า Double A” เพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าสามารถกดซื้อสินค้าที่ต้องการได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน เช่น สมุด ปากกา เครื่องเย็บกระดาษ กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย Double A Care พร้อมช่องทางชำระเงินทั้งแบบออนไลน์และเงินสด โดยมีจุดติดตั้งตู้กดสินค้าตามสถานีรถไฟฟ้าต่างๆ อาทิ MRT สถานีสุขุมวิท , เพชรบุรี และจตุจักร , BTS สถานีสยาม และ Co-working space อย่าง SAMYAN CO-OP ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาธุรกิจของดั๊บเบิ้ล เอ ได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาแบรนด์สินค้า Double A และขยายการลงทุนในธุรกิจต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถในการแข่งขัน ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคและตลาดในยุคปัจจุบัน โดยผลประกอบการในปี พ.ศ. 2564 ได้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจและสถานะการเงิน รวมถึงความสำเร็จจากการวางกลยุทธ์การปรับตัว ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในยุคปัจจุบันอย่างมีประสิทธิภาพ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อธุรกิจ ดั๊บเบิ้ล เอ ควบคู่การรักษาระดับความสามารถในการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน