Follow us

ดั๊บเบิ้ล เอ จับมือ สวนสุนันทา หนุนไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งอาเซียน (Hub of CLMV) ตั้งศูนย์การเรียนรู้ Double A Logistics Academy

"หนึ่งในแกนหลักของการแข่งขัน และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ คือ ระบบโลจิสติกส์ ประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น อาจไม่ใช่ประเทศที่มีความมั่งคั่ง ร่ำรวยทรัพยากรแต่อย่างใด แต่เป็นประเทศที่มีความเป็นผู้นำด้านระบบโลจิสติกส์”

คำบรรยายพิเศษ ของ นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ ในโอกาสเปิดศูนย์เรียนรู้ Double A Logistics Academy

 

นับเป็นปรากฏการณ์ความร่วมมือครั้งแรกของภาคเอกชนกับสถาบันการศึกษา ระหว่าง ดั๊บเบิ้ล เอ โดยนายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการผู้จัดใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน)  และ วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนของประเทศไทย พร้อมๆ กับการเร่งสร้างทรัพยากรบุคลากรด้านโลจิสติกส์ให้เติบโต  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการค้า และนำพาประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแห่งอาเซียน (Hub of CLMV) โดยมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ ดังเช่นเมืองหลักสำคัญของโลก อาทิ นครร็อตเตอร์ดัม แห่งเนเธอร์แลนด์ นครนิวเจอร์ซี่  แห่งสหรัฐอเมริกา และนครเซี่ยงไฮ้ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่พัฒนาระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

จึงเป็นที่มาของโครงการความร่วมมือด้านวิชาการในระบบโลจิสติกส์ และซัพพลายเชน  และการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ Double A Logistics Academy ขึ้น ณ วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ศูนย์การศึกษาจังหวัดนครปฐม  โดยศูนย์เรียนรู้นี้ จะประกอบไปด้วย ห้องปฎิบัติการคอมพิวเตอร์ ที่มีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พร้อมระบบเชื่อมต่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ระบบซอฟต์แวร์การจัดการ  โลจิสติกส์และซัพพลายเชนทั้งระบบ และห้องปฏิบัติการโลจิสติกส์ ที่จำลองการจัดการคลังสินค้าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง  รวมถึงห้องปฎิบัติการขายจริง (Point of Sales – POS) เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้แบบบูรณาการ และกระตุ้นให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้จากปฏิบัติการจริง รวมถึงเป็นศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติด้านโลจิสติกส์

ปัจจุบันภาครัฐกำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอล ซึ่งยุทธศาสตร์ดังกล่าวนับเป็นการผลักดันการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่ผสานโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ด้านเทคโนโลยีทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ และเทคโนโลยีการสื่อสารยุคดิจิตอลอย่างเป็นรูปธรรม ยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยมีภูมิประเทศตั้งอยู่ตรงกลาง และรอบล้อมไปด้วยประเทศสมาชิกต่างๆ ในสมาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ทำให้ไทยได้เปรียบจากการมีลักษณะพื้นที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมเป็น land link อีกทั้งยังมีขีดความสามารถในการพัฒนาประเทศรอบด้านมากกว่าประเทศในกลุ่ม CLMV จึงเอื้อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์  รวมถึงการเปิด AEC ส่งผลให้เกิดการจัดตั้งกลุ่มประเทศระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง(Greater Mekong Subregion Corridors ) ของ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมยึดโยงเข้าหากัน เป็นอีกหนึ่งเส้นทาง land link ยุทธศาสตร์สำคัญของการจัดการและบริหารระบบโลจิสติกส์ได้เป็นอย่างดี

นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กล่าวเสริมว่า การปฏิรูปโลจิสติกส์ยังสร้างโอกาสมหาศาลให้กับคนรุ่นใหม่เป็นรายบุคคล ที่จะพัฒนาธุรกิจใหม่ในฐานะ Start up ด้วยการนำนวัตกรรมมาพัฒนาระบบไอที ระบบแอพพลิเคชั่น   เพื่อสนับสนุนรองรับระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ซึ่งโอกาสได้เปิดกว้างขึ้นในการสร้างความมั่งคั่งของคนรุ่นใหม่ ตัวอย่างเช่น Uber Taxi แอพพลิเคชั่นที่เป็นบิสซิเนส โมเดลด้านโลจิสติกส์ ประเภทหนึ่งของ Start   up โดยจัดเป็นประเภท  Sharing Endures Resource ซึ่งเป็นการสนองความต้องการแก่ผู้บริโภคโดยนำนวัตกรรมเข้ามาเป็นเครื่องมือ เช่นเดียวกับ Uber ที่สนองความต้องการ (needs) ของผู้ใช้แท็กซี่ที่มีนวัตกรรมเข้ามาช่วย  ปัจจุบัน Uber ให้บริการใน 68 ประเทศ มากกว่า 400 เมือง มีคนขับในระบบ 1.2 ล้านคน และมีผู้ใช้บริการหลัก 10 ล้านคน โดยในประเทศไทยมีคนขับในเครือข่ายมากกว่า 35,000 คน

เช่นเดียวกันกับ Alibaba.com เว็บไซต์ขายส่งสัญชาติจีนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งเป็นศูนย์รวมโรงงานในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นทางออกในการรองรับการค้าขายที่เหมาะสมที่สุด ช่องทางหนึ่ง และเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งสินค้าเหล่านั้นกระจายสู่ทั่วโลกในรูปแบบ  Business to Business หรือ B2B ดังนั้นยังมีอีกหลายบิซิเนส โมเดล ที่รอให้นักศึกษา หรือคนรุ่นใหม่เข้ามาค้นหาโอกาสและช่องทางในการสร้างธุรกิจใหม่ๆ และพัฒนาระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนให้เกิดขึ้นในวงการธุรกิจไทย "

รศ.ดร. ฤาเดช เกิดวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กล่าวว่า   “มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มีนโนยบายมุ่งพัฒนาคน อันเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ควรส่งเสริมองค์ความรู้ให้เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จึงได้เกิดเป็นความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษากับภาคธุรกิจเพื่อร่วมกันพัฒนาการเรียนการสอนที่มุ่งมั่นในการผลิตนักศึกษาให้สามารถรองรับกับความต้องการของภาคธุรกิจที่ต้อง เผชิญความท้าทายรอบด้าน และกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างเหมาะสม  ดังนั้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทางมหาวิทยาลัยเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และห้องปฏิบัติการขายที่มหาวิทยาลัย ได้รับมอบจากดั๊บเบิ้ล เอ จะเป็นเครื่องมือที่ติดอาวุธให้กับนักศึกษา สาขาโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ในการยกระดับการเรียนการสอนพัฒนาหลักสูตรจากการศึกษาผ่านประสบการณ์จริงจากบุคลากรและกระบวนการดำเนินงานจริงของดั๊บเบิ้ล เอ และผ่านการจำลองร้านค้า เครื่องเขียน และร้านถ่ายเอกสารของดั๊บเบิ้ล เอ ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้ การบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และเมื่อนักศึกษารุ่นนี้จบออกไปพวกเขาเหล่านี้จะกลายเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ยุคใหม่ให้ก้าวหน้าทันสมัยรองรับความท้าทายที่ต้องเผชิญต่อความเปลี่ยนแปลงรอบด้านในปัจจุบัน"

กิตติพงศ์ ธารปราบ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาการจัดการโลจิสติกส์ อายุ 20 ปี กล่าวว่า การจัดตั้ง Double A Logistics Academy เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ มีคุณค่า ที่ทำให้พวกเขาเห็นภาพการเรียนรู้ระบบการบริหารจัดการโลจิสติกส์จากประสบการณ์จริงอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้นักศึกษาอีกหลายคนมีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่าพวกเขาและเธอมีแรงบันดาลใจในการก้าวเข้ามาเรียนสาขาวิชานี้จากการที่เป็นคนชอบการเดินทาง รักการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง และมีความเห็นว่า การเรียนสาขาวิชานี้จะทำให้บริหารจัดการสินค้าและผลิตภัณฑ์อย่างเป็นระบบ สร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมีศักยภาพมาตรฐานในระดับสากล การจัดการโลจิสติกส์ที่ดีสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับบริการลูกค้า และมูลค่าทางการค้า แต่ปัจจุบันกิจกรรมโลจิสติกส์ยังมีต้นทุนสูง ธุรกิจในประเทศไทยโดยรวมมีการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมโลจิสติกส์ คิดเป็น 14.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือประมาณ 1,835 พันล้านบาท การบริหารจัดการโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นกุญแจสำคัญของการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ และการพัฒนาเศรษฐกิจไทย จากผลการสำรวจของธนาคารโลก (World Bank) ประเทศไทยมีสมรรถนะการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ (Logistics Performance Index (LPI) ต่ำกว่าหลายๆ ประเทศในภูมิภาคนี้ โดยเมื่อปี 2557 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 35 สิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 5 และมาเลเซียอยู่ในอันดับที่ 25 จากทั้งหมด 160 ประเทศ ในขณะที่การเปิดการค้าเสรีอาเซียนที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ AEC จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจในระดับเวทีสากล จึงจำเป็นที่ประเทศไทยทุกภาคส่วน ต้องร่วมกันปรับตัว และทำให้ข้อได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ที่ไทยมีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ มาทำให้เกิดประโยชน์ในการผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแห่งอาเซียนสืบไป

 

ภาพประกอบสกู๊ป

ข่าวประชาสัมพันธ์

Double A ร่วมสนับสนุนงาน World Expo 2020 Dubai ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลสู่สายตาทั่วโลก

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกิจกรรม “Thailand Pavilion Launch & Networking Reception” ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) งาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 มหกรรมงานระดับโลก ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 -31 มีนาคม 2565 ณ เมืองดูไบ เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่น ส่งเสริม และสร้างโอกาสใหม่สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยผ่านการลงทุน การค้า สู่สายตาประชาคมโลก โดยมี นายวราวุธ ภู่อภิญญา (คนกลาง) เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรม ณ โรงแรมดุสิตธานี ดูไบ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัว “กระดาษคราฟท์” พร้อมจำหน่าย รองรับตลาดอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “กระดาษคราฟท์” เพื่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ กำลังการผลิต 250,000 ตันต่อปี พร้อมทำการตลาดและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ 3,000 ล้านบาทต่อปี นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดเผยว่า ความต้องการกระดาษคราฟท์ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกมีประมาณ 164 ล้านตันต่อปี และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเฉลี่ยประมาณปีละ 2.5 % โดยตลาดในแถบเอเชียแปซิฟิค ถือเป็นตลาดที่มีความต้องการบริโภคกระดาษคราฟท์มากที่สุดในโลก หรือเกือบครึ่งหนึ่งของโลก และเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิคที่ไม่รวมประเทศจีน ก็มีความต้องการมากถึง 30 ล้านตันต่อปี และมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ 4 % ต่อปี ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดกระดาษคราฟท์มาตั้งแต่ปี 2562 โดยมีการลงทุนสร้างโรงเยื่อ RECYCLE PULP (RCP) แห่งใหม่ขึ้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยงบลงทุน 1,000 ล้านบาท มีการเดินเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว และได้ปรับกระบวนการผลิตของโรงกระดาษที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงโรงกระดาษ 1 ที่จังหวัดปราจีนบุรี มาผลิตกระดาษคราฟท์ กำลังการผลิตอยู่ที่ 250,000 ตันต่อปี และมีผลิตภัณฑ์แรกที่พร้อมจำหน่ายแล้ว คือ กระดาษคราฟท์เพื่อทำลอนกล่องลูกฟูก CORRUGATED MEDIUM (CM) สำหรับการทำตลาดกระดาษคราฟท์นั้น ดั๊บเบิ้ล เอ วางแผนทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มจากประเทศในแถบเอเชียก่อน โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการที่ดั๊บเบิ้ล เอ มีเครือข่ายการตลาดทั่วโลก นอกจากนี้ กำลังการผลิตส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานกล่องกระดาษของดั๊บเบิ้ล เอ ด้วย เพื่อทดแทนการใช้วัตถุดิบจากภายนอก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับดั๊บเบิ้ล เอ ได้ไม่น้อยกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท และช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของดั๊บเบิ้ล เอ มากขึ้น เนื่องจากตลาดกระดาษเพื่อบรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ปัจจุบัน ดั๊บเบิ้ล เอ มีผลิตภัณฑ์หลัก คือ เยื่อกระดาษใยสั้น กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษสำนักงาน และผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มกระดาษ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มทั่วไป ได้แก่ ปากกา ปากกาเน้นข้อความ ปากกาลบคำผิด เครื่องเย็บกระดาษ กระเป๋าผ้า ซึ่งมีการจำหน่ายในทุกช่องทาง รวมทั้งช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ delivery.doubleapaper.com ซึ่งบริการเดลิเวอรี่ส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานในยุค New Normal สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียดของผลิตภัณฑ์กระดาษคราฟท์ สามารถสอบถามและสั่งซื้อได้ที่โทร.085 835 3794 (สำหรับลูกค้าในประเทศ) และโทร.085 835 4098 (สำหรับลูกค้าต่างประเทศ)

ดั๊บเบิ้ล เอ สร้างปรากฏการณ์สุดเจ๋งใน MV วง OK GO ตอกย้ำกระดาษคุณภาพที่ผู้ใช้ทั่วโลกไว้วางใจ

ปรากฏการณ์ใหม่ระดับโลกเมื่อดั๊บเบิ้ล เอจับมือกับศิลปินวง OK GO วงดนตรีสุดครีเอท แนวอัลเทอร์เนทีฟร็อก จากสหรัฐอเมริกา ที่มีผลงานเพลงและมิวสิค วิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางสร้างเซอร์ไพร์สให้กับแฟนเพลงทั่วโลกอีกครั้ง ในมิวสิควิดีโอเพลง Obsession ด้วยเทคนิค Paper Mapping เป็นครั้งแรกของโลก โชว์คุณภาพดั๊บเบิ้ล เอ ที่ส่งออกไปแล้วกว่า 130 ประเทศ โดยศิลปิน OK GO ได้สัมผัสถึงความเรียบลื่นและคุณสมบัติเด่นของกระดาษดั๊บเบิ้ล เอที่ สามารถพรินต์ออกมาโดยไร้อุปสรรคใดๆ จนเกิดแรงบันดาลใจ“OBSESSION for Smoothness” ในการนำมาสร้างสรรค์ฉากอลังการที่น่าตื่นตาตื่นใจในมิวสิควิดีโอชุดนี้ ซึ่งดั๊บเบิ้ล เอ เห็นถึงความเป็นสากลของดนตรีและความคิดสร้างสรรค์ของวง OK GO ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ๆ สื่อสารภาพลักษณ์ ที่เฟรชขึ้น สนุกขึ้น แต่ยังคงหนักแน่นในเรื่องคุณภาพสินค้าที่ทุกคนไว้วางใจ

สวนอุตสาหกรรม 304 มอบแอลกอฮอล์ให้ 113 โรงงานร่วมกันสู้โควิด-19

นาย กิตติพันธ์ จิตต์เป็นธรรม หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค จํากัด มอบแอลกอฮอล์ให้กับผู้ประกอบการและพนักงานในสวนอุตสาหกรรม 304 จังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดฉะเชิงเทรา 113 โรงงาน รวมทั้งสิ้น 2,500 ลิตร เพื่อการดูแลและควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ยังมีมาตรการป้องกันสำคัญตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิ คัดกรองพนักงานและผู้มาติดต่อ, ขอความร่วมมืองดเดินทางไปประเทศที่มีความเสี่ยง และหากเดินทางกลับมาจากประเทศเสี่ยงให้กักตัวเองในที่พักอาศัยเป็นเวลา 14 วัน และมีการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในการดูแลป้องกันตนเอง ลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรค เป็นต้น

ดั๊บเบิ้ล เอ ชวนบริจาคขวดเปล่าเพื่อทำแอลกอฮอล์พกพาแจกใน “โครงการ ฃ.ขวดสู้โควิด-19”

ในภาวะที่ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตไวรัสโควิด-19 อาวุธป้องกันอย่างเช่น “แอลกอฮอล์” ขนาดพกพานับเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อใช้ฆ่าเชื้อไวรัส ควบคุมการแพร่ระบาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ยังต้องเดินทางออกไปทำงาน หรือทำธุระในช่วงนี้ รวมถึงแอลกอฮอล์ก็ยังช่วยฆ่าเชื้อโรคที่ติดมากับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น แต่ด้วยปัญหาขาดแคลนขวดและบรรจุภัณฑ์ในการบรรจุแอลกอฮอล์ “ดั๊บเบิ้ล เอ” จึงได้จัดทำ “โครงการ ฃ.ขวดสู้โควิด-19” ขึ้น เพื่อเชิญชวนคนไทยร่วมกันบริจาคขวดหัวสเปรย์ หรือขวดหัวปั้ม ขนาดพกพา 30- 100 ml. (มิลลิลิตร) ที่ไม่ได้ใช้แล้ว และทำความสะอาดให้เรียบร้อย ส่งกลับมาที่ดั๊บเบิ้ล เอ โดยดั๊บเบิ้ล เอ จะนำขวดเปล่าที่ได้รับบริจาคเหล่านี้มาทำความสะอาดอีกครั้งพร้อมฆ่าเชื้อ เพื่อใส่แอลกอฮอล์มอบคืนกลับให้ประชาชนผู้ที่ร่วมโครงการคนต่อ ๆ ไป และขวดบรรจุแอลกอฮอล์อีกส่วนหนึ่งจะมอบให้กับผู้ที่ขาดแคลนและผู้ที่มีความเสี่ยงที่ต้องสัมผัสกับการแพร่ระบาด ทั้งนี้ผู้บริจาค 5 ขวดเปล่าจะสามารถแลกรับแอลกอฮอล์พกพาได้ 1 ขวด โดยตอนนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ได้ระดมขวดเปล่าจากพนักงานภายในไว้สำรองแล้ว แต่มีปริมาณจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถรองรับได้ในวงกว้าง ดังนั้นในเบื้องต้นจะขอเปิดรับบริจาคขวดเปล่าในพื้นที่ฉะเชิงเทราก่อน โดยหากได้ขวดเปล่าเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น ก็จะขยายจุดบริจาคและรับแอลกอฮอล์พกพาให้มากขึ้น สามารถดูจุดบริจาคขวดเปล่าได้ทาง https://qrgo.page.link/EePrf หรือติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook Double A Club หรือสอบถามโทร.1759 #ขอขวดสู้COVID19 #แอลกอฮอล์พกพาเพื่อคนไทย

ดั๊บเบิ้ล เอ มอบแอลกอฮอล์ ให้ รพ.ราชวิถี และ รพ.อาภากรเกียรติวงศ์

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมสู้โควิด มอบแอลกอฮอล์ จำนวน 5,000 ลิตร ให้กับโรงพยาบาลราชวิถี โดยมีนางไพทร ลิมป์วรพรรณ เภสัชกรชำนาญการพิเศษ และนายชาญยุทธ ป้องกัน นักเทคนิคการแพทย์ชำนาญการ รพ.ราชวิถี เป็นผู้รับมอบ รวมทั้งมอบให้กับโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ อีก 2,000 ลิตร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ทั้งนี้ ที่ผ่านมาดั๊บเบิ้ล เอ ได้มอบแอลกอฮอล์ให้กับหน่วยราชการ ชุมชน สาธารณสุขและโรงพยาบาลในจังหวัดต่าง ๆ อาทิ ปราจีนบุรี ระยอง สมุทรปราการ รวมถึงพนักงานและลูกค้า พร้อมแนะนำวิธีการใช้แอลกอฮอล์อย่างปลอดภัย การประชาสัมพันธ์ให้หมั่นทำความสะอาดมือ กินร้อน ช้อนกลางประจำตัว และรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันสำคัญ ตามข้อมูลทางการแพทย์ที่ช่วยควบคุมการติดต่อของ “โรคโควิด 19” ขณะนี้

ดั๊บเบิ้ล เอ มอบเครื่องผลิตออกซิเจนให้กับโรงพยาบาล

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ มอบเครื่องผลิตออกซิเจนอัตโนมัติให้กับโรงพยาบาลศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อให้บริการสำหรับผู้ป่วยได้อย่างสะดวกรวดเร็วช่วยลดจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลผู้ป่วยวิกฤติและผู้ป่วยที่ถูกส่งตัวทางรถฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลขนาดใหญ่ได้ พร้อมกันนี้ยังได้มอบถุงยาดั๊บเบิ้ล เอ รักษ์โลกที่ผลิตจากกระดาษห่อรีม โดยฝีมือผู้พิการในพื้นที่ โดยมีนายสิริเกียรติ เตชะมนูญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ส่วนงานต่างๆเป็นผู้รับมอบ

Double A ร่วมสู้โควิด-19 มอบแอลกอฮอล์เพื่อช่วยกันควบคุมโรค

ดั๊บเบิ้ล เอ ผู้ผลิตกระดาษชั้นนำของเมืองไทย ร่วมสู้ภัยโควิด-19 มอบแอลกอฮอล์ให้หน่วยงานราชการและองค์กรต่าง ๆ รวมถึงโรงพยาบาลที่มีความจำเป็นต้องใช้เพื่อป้องกันและควบคุมโรคในพื้นที่ ลดการแพร่ระบาด สามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและเต็มที่ นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ร่วมสู้โควิด-19 มอบแอลกอฮอล์ให้หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล และสถานศึกษา นำไปฆ่าเชื้อโควิด-19 โดยทางดั๊บเบิ้ล เอ ได้มอบแอลกอฮอล์ให้กับศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ การดูแลสุขภาพคนไทยที่เดินทางมาจากเกาหลีใต้ ณ ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี และมีแผนจะมอบแอลกอฮอล์เพิ่มเติมให้กับโรงพยาบาล 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลราชวิถี สถาบันบำราศนราดูร โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ นอกจากนี้ ยังมีการมอบแอลกอฮอล์ให้หน่วยงานราชการในจังหวัดปราจีนบุรี เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ที่ว่าการอำเภอศรีมหาโพธิ กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ค่ายพรหมโยธี จังหวัดปราจีนบุรี และอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมเสนอแนะวิธีการใช้แอลกอฮอล์อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อการดูแลชุมชน ป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ และไม่ให้เป็นพาหะ นอกจากการร่วมสนับสนุนสังคมให้เดินหน้าไปด้วยกันแล้ว ในส่วนของลูกค้าดั๊บเบิ้ล เอ ยังมีบริการเดลิเวอรี่ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักเรียนนักศึกษาและผู้ที่ work from home ให้สามารถสั่งซื้อกระดาษและผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนต่าง ๆ ทางออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยดั๊บเบิ้ล เอ จะมอบเจลแอลกอฮอล์แทนคำขอบคุณให้ลูกค้าไว้ใช้อีกด้วย สำหรับในส่วนขององค์กรเองนั้น ดั๊บเบิ้ล เอ ก็ได้มีมาตรการเพื่อป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเต็มที่ เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิพนักงาน ติดตั้งแอลกอฮอล์เจลในอาคาร ประชาสัมพันธ์ให้หมั่นทำความสะอาดมือ ระวังการสัมผัสระหว่างกันและกัน ตลอดจนถึงการสัมผัสสัตว์เลี้ยงใกล้ตัว กินร้อน ช้อนกลางประจำตัว และรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันสำคัญ ตามข้อมูลทางการแพทย์ต่อการช่วยควบคุมการติดต่อของ “โรคโควิด 19” ขณะนี้ รวมถึงมีมาตรการ Work from Home และวางแผนปฏิบัติงานเพื่อให้พนักงานทำงานได้อย่างเต็มที่มีประสิทธิภาพ และธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้

ดั๊บเบิ้ล เอ ชวนคนไทยร่วมปิดไฟ 1 ชม. ให้โลกพัก Earth hour 2020

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ นำทีมพนักงานเชิญชวนคนไทยร่วมกิจกรรม “Earth Hour 2020 ชวนกันปิดไฟให้โลกพัก” ในวันเสาร์ที่ 28 มีนาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 20.30-21.30 น. เป็นเวลา 1 ชั่วโมง พร้อมกันทั่วโลก รวมถึงสำนักงานและเครือข่ายดั๊บเบิ้ล เอ ทั่วโลก และชุมชนโดยรอบ เพื่อลดการใช้พลังงาน ร่วมลดโลกร้อน ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ มีการรณรงค์สร้างจิตสำนึกและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้พนักงานในองค์กรรู้คุณค่าทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง เช่น กิจกรรม Car Pool ทางเดียวกันไปด้วยกัน , My Box รณรงค์ใช้กล่องข้าวของตนเอง ลดการใช้กล่องโฟมและพลาสติก เป็นต้น