Follow us

ดั๊บเบิ้ล เอ จับมือ สวนสุนันทา หนุนไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งอาเซียน (Hub of CLMV) ตั้งศูนย์การเรียนรู้ Double A Logistics Academy

"หนึ่งในแกนหลักของการแข่งขัน และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ คือ ระบบโลจิสติกส์ ประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้น อาจไม่ใช่ประเทศที่มีความมั่งคั่ง ร่ำรวยทรัพยากรแต่อย่างใด แต่เป็นประเทศที่มีความเป็นผู้นำด้านระบบโลจิสติกส์”

คำบรรยายพิเศษ ของ นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ ในโอกาสเปิดศูนย์เรียนรู้ Double A Logistics Academy

 

นับเป็นปรากฏการณ์ความร่วมมือครั้งแรกของภาคเอกชนกับสถาบันการศึกษา ระหว่าง ดั๊บเบิ้ล เอ โดยนายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการผู้จัดใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน)  และ วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนของประเทศไทย พร้อมๆ กับการเร่งสร้างทรัพยากรบุคลากรด้านโลจิสติกส์ให้เติบโต  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการค้า และนำพาประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแห่งอาเซียน (Hub of CLMV) โดยมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ ดังเช่นเมืองหลักสำคัญของโลก อาทิ นครร็อตเตอร์ดัม แห่งเนเธอร์แลนด์ นครนิวเจอร์ซี่  แห่งสหรัฐอเมริกา และนครเซี่ยงไฮ้ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่พัฒนาระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

จึงเป็นที่มาของโครงการความร่วมมือด้านวิชาการในระบบโลจิสติกส์ และซัพพลายเชน  และการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ Double A Logistics Academy ขึ้น ณ วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ศูนย์การศึกษาจังหวัดนครปฐม  โดยศูนย์เรียนรู้นี้ จะประกอบไปด้วย ห้องปฎิบัติการคอมพิวเตอร์ ที่มีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พร้อมระบบเชื่อมต่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ระบบซอฟต์แวร์การจัดการ  โลจิสติกส์และซัพพลายเชนทั้งระบบ และห้องปฏิบัติการโลจิสติกส์ ที่จำลองการจัดการคลังสินค้าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง  รวมถึงห้องปฎิบัติการขายจริง (Point of Sales – POS) เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้แบบบูรณาการ และกระตุ้นให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้จากปฏิบัติการจริง รวมถึงเป็นศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติด้านโลจิสติกส์

ปัจจุบันภาครัฐกำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอล ซึ่งยุทธศาสตร์ดังกล่าวนับเป็นการผลักดันการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่ผสานโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ด้านเทคโนโลยีทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ และเทคโนโลยีการสื่อสารยุคดิจิตอลอย่างเป็นรูปธรรม ยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยมีภูมิประเทศตั้งอยู่ตรงกลาง และรอบล้อมไปด้วยประเทศสมาชิกต่างๆ ในสมาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ทำให้ไทยได้เปรียบจากการมีลักษณะพื้นที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมเป็น land link อีกทั้งยังมีขีดความสามารถในการพัฒนาประเทศรอบด้านมากกว่าประเทศในกลุ่ม CLMV จึงเอื้อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์  รวมถึงการเปิด AEC ส่งผลให้เกิดการจัดตั้งกลุ่มประเทศระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง(Greater Mekong Subregion Corridors ) ของ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมยึดโยงเข้าหากัน เป็นอีกหนึ่งเส้นทาง land link ยุทธศาสตร์สำคัญของการจัดการและบริหารระบบโลจิสติกส์ได้เป็นอย่างดี

นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กล่าวเสริมว่า การปฏิรูปโลจิสติกส์ยังสร้างโอกาสมหาศาลให้กับคนรุ่นใหม่เป็นรายบุคคล ที่จะพัฒนาธุรกิจใหม่ในฐานะ Start up ด้วยการนำนวัตกรรมมาพัฒนาระบบไอที ระบบแอพพลิเคชั่น   เพื่อสนับสนุนรองรับระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ซึ่งโอกาสได้เปิดกว้างขึ้นในการสร้างความมั่งคั่งของคนรุ่นใหม่ ตัวอย่างเช่น Uber Taxi แอพพลิเคชั่นที่เป็นบิสซิเนส โมเดลด้านโลจิสติกส์ ประเภทหนึ่งของ Start   up โดยจัดเป็นประเภท  Sharing Endures Resource ซึ่งเป็นการสนองความต้องการแก่ผู้บริโภคโดยนำนวัตกรรมเข้ามาเป็นเครื่องมือ เช่นเดียวกับ Uber ที่สนองความต้องการ (needs) ของผู้ใช้แท็กซี่ที่มีนวัตกรรมเข้ามาช่วย  ปัจจุบัน Uber ให้บริการใน 68 ประเทศ มากกว่า 400 เมือง มีคนขับในระบบ 1.2 ล้านคน และมีผู้ใช้บริการหลัก 10 ล้านคน โดยในประเทศไทยมีคนขับในเครือข่ายมากกว่า 35,000 คน

เช่นเดียวกันกับ Alibaba.com เว็บไซต์ขายส่งสัญชาติจีนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งเป็นศูนย์รวมโรงงานในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นทางออกในการรองรับการค้าขายที่เหมาะสมที่สุด ช่องทางหนึ่ง และเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งสินค้าเหล่านั้นกระจายสู่ทั่วโลกในรูปแบบ  Business to Business หรือ B2B ดังนั้นยังมีอีกหลายบิซิเนส โมเดล ที่รอให้นักศึกษา หรือคนรุ่นใหม่เข้ามาค้นหาโอกาสและช่องทางในการสร้างธุรกิจใหม่ๆ และพัฒนาระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนให้เกิดขึ้นในวงการธุรกิจไทย "

รศ.ดร. ฤาเดช เกิดวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กล่าวว่า   “มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มีนโนยบายมุ่งพัฒนาคน อันเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ควรส่งเสริมองค์ความรู้ให้เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จึงได้เกิดเป็นความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษากับภาคธุรกิจเพื่อร่วมกันพัฒนาการเรียนการสอนที่มุ่งมั่นในการผลิตนักศึกษาให้สามารถรองรับกับความต้องการของภาคธุรกิจที่ต้อง เผชิญความท้าทายรอบด้าน และกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างเหมาะสม  ดังนั้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทางมหาวิทยาลัยเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และห้องปฏิบัติการขายที่มหาวิทยาลัย ได้รับมอบจากดั๊บเบิ้ล เอ จะเป็นเครื่องมือที่ติดอาวุธให้กับนักศึกษา สาขาโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ในการยกระดับการเรียนการสอนพัฒนาหลักสูตรจากการศึกษาผ่านประสบการณ์จริงจากบุคลากรและกระบวนการดำเนินงานจริงของดั๊บเบิ้ล เอ และผ่านการจำลองร้านค้า เครื่องเขียน และร้านถ่ายเอกสารของดั๊บเบิ้ล เอ ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้ การบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และเมื่อนักศึกษารุ่นนี้จบออกไปพวกเขาเหล่านี้จะกลายเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ยุคใหม่ให้ก้าวหน้าทันสมัยรองรับความท้าทายที่ต้องเผชิญต่อความเปลี่ยนแปลงรอบด้านในปัจจุบัน"

กิตติพงศ์ ธารปราบ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาการจัดการโลจิสติกส์ อายุ 20 ปี กล่าวว่า การจัดตั้ง Double A Logistics Academy เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ มีคุณค่า ที่ทำให้พวกเขาเห็นภาพการเรียนรู้ระบบการบริหารจัดการโลจิสติกส์จากประสบการณ์จริงอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้นักศึกษาอีกหลายคนมีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่าพวกเขาและเธอมีแรงบันดาลใจในการก้าวเข้ามาเรียนสาขาวิชานี้จากการที่เป็นคนชอบการเดินทาง รักการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง และมีความเห็นว่า การเรียนสาขาวิชานี้จะทำให้บริหารจัดการสินค้าและผลิตภัณฑ์อย่างเป็นระบบ สร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมีศักยภาพมาตรฐานในระดับสากล การจัดการโลจิสติกส์ที่ดีสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับบริการลูกค้า และมูลค่าทางการค้า แต่ปัจจุบันกิจกรรมโลจิสติกส์ยังมีต้นทุนสูง ธุรกิจในประเทศไทยโดยรวมมีการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมโลจิสติกส์ คิดเป็น 14.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือประมาณ 1,835 พันล้านบาท การบริหารจัดการโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นกุญแจสำคัญของการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ และการพัฒนาเศรษฐกิจไทย จากผลการสำรวจของธนาคารโลก (World Bank) ประเทศไทยมีสมรรถนะการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ (Logistics Performance Index (LPI) ต่ำกว่าหลายๆ ประเทศในภูมิภาคนี้ โดยเมื่อปี 2557 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 35 สิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 5 และมาเลเซียอยู่ในอันดับที่ 25 จากทั้งหมด 160 ประเทศ ในขณะที่การเปิดการค้าเสรีอาเซียนที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ AEC จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจในระดับเวทีสากล จึงจำเป็นที่ประเทศไทยทุกภาคส่วน ต้องร่วมกันปรับตัว และทำให้ข้อได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ที่ไทยมีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ มาทำให้เกิดประโยชน์ในการผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแห่งอาเซียนสืบไป

 

ภาพประกอบสกู๊ป

ข่าวประชาสัมพันธ์

Double A ร่วมสนับสนุนงาน World Expo 2020 Dubai ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลสู่สายตาทั่วโลก

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกิจกรรม “Thailand Pavilion Launch & Networking Reception” ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) งาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 มหกรรมงานระดับโลก ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 -31 มีนาคม 2565 ณ เมืองดูไบ เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่น ส่งเสริม และสร้างโอกาสใหม่สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยผ่านการลงทุน การค้า สู่สายตาประชาคมโลก โดยมี นายวราวุธ ภู่อภิญญา (คนกลาง) เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรม ณ โรงแรมดุสิตธานี ดูไบ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัว “กระดาษคราฟท์” พร้อมจำหน่าย รองรับตลาดอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “กระดาษคราฟท์” เพื่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ กำลังการผลิต 250,000 ตันต่อปี พร้อมทำการตลาดและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ 3,000 ล้านบาทต่อปี นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดเผยว่า ความต้องการกระดาษคราฟท์ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกมีประมาณ 164 ล้านตันต่อปี และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเฉลี่ยประมาณปีละ 2.5 % โดยตลาดในแถบเอเชียแปซิฟิค ถือเป็นตลาดที่มีความต้องการบริโภคกระดาษคราฟท์มากที่สุดในโลก หรือเกือบครึ่งหนึ่งของโลก และเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิคที่ไม่รวมประเทศจีน ก็มีความต้องการมากถึง 30 ล้านตันต่อปี และมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ 4 % ต่อปี ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดกระดาษคราฟท์มาตั้งแต่ปี 2562 โดยมีการลงทุนสร้างโรงเยื่อ RECYCLE PULP (RCP) แห่งใหม่ขึ้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยงบลงทุน 1,000 ล้านบาท มีการเดินเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว และได้ปรับกระบวนการผลิตของโรงกระดาษที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงโรงกระดาษ 1 ที่จังหวัดปราจีนบุรี มาผลิตกระดาษคราฟท์ กำลังการผลิตอยู่ที่ 250,000 ตันต่อปี และมีผลิตภัณฑ์แรกที่พร้อมจำหน่ายแล้ว คือ กระดาษคราฟท์เพื่อทำลอนกล่องลูกฟูก CORRUGATED MEDIUM (CM) สำหรับการทำตลาดกระดาษคราฟท์นั้น ดั๊บเบิ้ล เอ วางแผนทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มจากประเทศในแถบเอเชียก่อน โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการที่ดั๊บเบิ้ล เอ มีเครือข่ายการตลาดทั่วโลก นอกจากนี้ กำลังการผลิตส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานกล่องกระดาษของดั๊บเบิ้ล เอ ด้วย เพื่อทดแทนการใช้วัตถุดิบจากภายนอก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับดั๊บเบิ้ล เอ ได้ไม่น้อยกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท และช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของดั๊บเบิ้ล เอ มากขึ้น เนื่องจากตลาดกระดาษเพื่อบรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ปัจจุบัน ดั๊บเบิ้ล เอ มีผลิตภัณฑ์หลัก คือ เยื่อกระดาษใยสั้น กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษสำนักงาน และผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มกระดาษ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มทั่วไป ได้แก่ ปากกา ปากกาเน้นข้อความ ปากกาลบคำผิด เครื่องเย็บกระดาษ กระเป๋าผ้า ซึ่งมีการจำหน่ายในทุกช่องทาง รวมทั้งช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ delivery.doubleapaper.com ซึ่งบริการเดลิเวอรี่ส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานในยุค New Normal สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียดของผลิตภัณฑ์กระดาษคราฟท์ สามารถสอบถามและสั่งซื้อได้ที่โทร.085 835 3794 (สำหรับลูกค้าในประเทศ) และโทร.085 835 4098 (สำหรับลูกค้าต่างประเทศ)

ดั๊บเบิ้ล เอ สร้างปรากฏการณ์สุดเจ๋งใน MV วง OK GO ตอกย้ำกระดาษคุณภาพที่ผู้ใช้ทั่วโลกไว้วางใจ

ปรากฏการณ์ใหม่ระดับโลกเมื่อดั๊บเบิ้ล เอจับมือกับศิลปินวง OK GO วงดนตรีสุดครีเอท แนวอัลเทอร์เนทีฟร็อก จากสหรัฐอเมริกา ที่มีผลงานเพลงและมิวสิค วิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางสร้างเซอร์ไพร์สให้กับแฟนเพลงทั่วโลกอีกครั้ง ในมิวสิควิดีโอเพลง Obsession ด้วยเทคนิค Paper Mapping เป็นครั้งแรกของโลก โชว์คุณภาพดั๊บเบิ้ล เอ ที่ส่งออกไปแล้วกว่า 130 ประเทศ โดยศิลปิน OK GO ได้สัมผัสถึงความเรียบลื่นและคุณสมบัติเด่นของกระดาษดั๊บเบิ้ล เอที่ สามารถพรินต์ออกมาโดยไร้อุปสรรคใดๆ จนเกิดแรงบันดาลใจ“OBSESSION for Smoothness” ในการนำมาสร้างสรรค์ฉากอลังการที่น่าตื่นตาตื่นใจในมิวสิควิดีโอชุดนี้ ซึ่งดั๊บเบิ้ล เอ เห็นถึงความเป็นสากลของดนตรีและความคิดสร้างสรรค์ของวง OK GO ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ๆ สื่อสารภาพลักษณ์ ที่เฟรชขึ้น สนุกขึ้น แต่ยังคงหนักแน่นในเรื่องคุณภาพสินค้าที่ทุกคนไว้วางใจ

ดั๊บเบิ้ล เอ รุกสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง หนุนแฟรนไชส์เกาะกระแสบอลโลก เพิ่มยอด 10 %

ดั๊บเบิ้ล เอ เกาะติดกระแสฟุตบอลโลก ร่วมเป็นสปอนเซอร์การกีฬาแห่งประเทศไทย ในอีเว้นท์ใหญ่ "เชียร์ลั่น สนั่นโลก On Groung Activity FIFA World Cup 2010" ชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลด้วยจอฉายขนาดยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลกสั่งตรงจากเกาหลี ณ ลานพลาซ่า สนามกีฬาหัวหมาก พร้อมจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายแฟรนไชส์ดั๊บเบิ้ล เอ ก๊อปปี้ เซ็นเตอร์ และร้านเครื่องเขียนดั๊บเบิ้ล เอ สเตชั่นเนอรี่ หวังโต 10% ในช่วงฟุตบอลโลก นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับแผนการตลาดของดั๊บเบิ้ล เอ ในช่วงกระแสฟุตบอลโลกนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ได้เตรียมแผนการกระตุ้นยอดจำหน่ายให้กับแฟรนไชส์ของดั๊บเบิ้ล เอ ทั้ง แฟรนไชส์ศูนย์ถ่ายเอกสารดั๊บเบิ้ล เอ ก๊อปปี้ เซ็นเตอร์ และแฟรนไชส์ร้านเครื่องเขียนดั๊บเบิ้ล เอ สเตชั่นเนอรี่ โดยมีเป้าหมายกระตุ้นยอดจำหน่ายในช่วง 2 เดือนนี้ ให้เพิ่มสูงขึ้นไม่น้อยกว่า 10% โดยดั๊บเบิ้ล เอ ได้จัดของพรีเมี่ยมสำหรับคนรักกีฬาฟุตบอล เพื่อเป็นของแถมพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อกระดาษจากดั๊บเบิ้ล เอ ก๊อปปี้ เซ็นเตอร์ และร้านดั๊บเบิ้ล เอ สเตชั่นเนอรี่ โดยทุกยอดซื้อกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ ทุก 5 รีม หรือ 1 กล่อง รับแก้วน้ำพิมพ์ลายพิเศษมูลค่า 120 บาท 1 ใบ หรือ ซื้อสินค้าของดั๊บเบิ้ล เอ ทุก 50 บาท รับพวงกุญแจ ดั๊บเบิ้ล เอ มินิบอล มูลค่า 30 บาท 1 ชิ้น เริ่ม 15 มิถุนายนถึง 31กรกฎาคมนี้เท่านั้น นอกจากเป็นการกระตุ้นยอดขายในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกแล้ว โปรโมชั่นตัวนี้ยังเป็นการกระตุ้นยอดขายโดยตรงให้กับร้านจำหน่ายเครื่องเขียนของดั๊บเบิ้ล เอ อีกด้วย เพราะในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ยังเป็นช่วงเวลาที่นัก-เรียน นักศึกษา เพิ่งเปิดเทอม และมีความจำเป็นที่จะต้องซื้อเครื่องเขียนใหม่เป็นจำนวนมาก โดยดั๊บเบิ้ล เอ ได้จัดเตรียมชุดเครื่องเขียนมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์ใหม่ ๆ มากมาย อาทิเช่น สมุด Planning note ใช้สำหรับบันทึกตารางบอลนัดพิเศษ, สมุดบันทึกรายรับรายจ่าย (Cash book) , สมุดเขียนได้ปริ้นท์ได้ ทั้งขาวและสี มาพร้อม 2 ฟังก์ชั่นการทำงานพิเศษที่

ดั๊บเบิ้ล เอ มอบรางวัล 8 ล้าน ให้ 8 สาวผู้ชนะการประกวด Double A I-Girls 2011

ดั๊บเบิ้ล เอ จัดกิจกรรมประกวดค้นหา 8 สาวมั่นเพื่อครองตำแหน่ง "แบรนด์แอมบาสเดอร์" ของดั๊บเบิ้ล เอ ชิงรางวัลมูลค่าคนละ 1 ล้านบาท รวม 8 ล้านบาท วางภารกิจแรกแบรนด์แอมบาสเดอร์โชว์ตัวทั่วกรุง พร้อมแนะนำคอนเซ็ปต์ ดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษจากคันนา รายแรกของโลก การประกวดค้นหาแบรนด์แอมบาสเดอร์ของผลิตภัณฑ์กระดาษ ดั๊บเบิ้ล เอ นับเป็นโครงการที่จัดมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน โดยสัญลักษณ์ของการประกวดปีนี้คือ I-Girls หรือ International Girls เพื่อให้สอดคล้องกับการก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก โดยในปีนี้ I-Girls จะเน้นค้นหาสาวมั่นบุคลิกดี มีความสามารถทางภาษา มีใจรักสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญคือ มีผิวขาวเรียบเนียน สะท้อนความเป็นผู้นำกระดาษคุณภาพสูง ซึ่งทั้ง 8 สาวแบรนด์แอมบาสเดอร์ จะมาร่วมกันปฏิบัติภารกิจในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของดั๊บเบิ้ล เอ ภายใต้แนวคิด "Double A : Paper for the world" หรือ "กระดาษแบรนด์ไทย เติบโตไปไกลระดับโลก" การประกวดครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้สมัครเข้าประกวดผ่านเว็บไซต์ Doubleaigirls2011.com ถึง 2,513 คน และผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการเหลือ 30 คนสุดท้ายในงาน BOI Fair ที่ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี ซึ่งผู้ผ่านการคัดเลือกนี้ได้เข้าร่วมกิจกรรมเก็บตัวที่โรงแรมทวาราวดี รีสอร์ท จ.ปราจีนบุรี เพื่อให้ผู้เข้าประกวดได้สัมผัสถึงกระบวนการผลิตกระดาษที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และร่วมเล่นเกมตามฐานกิจกรรมต่างๆ พร้อมทั้งฝึกอบรมการแต่งหน้าและเสริมสร้างบุคลิกภาพ ซึ่งเรียกว่า นอกจากจะได้ความรู้และภาคภูมิใจไปกับอุตสาหกรรมกระดาษไทยแล้ว ยังได้ประสบการณ์และมิตรภาพเป็นความประทับใจกลับไปอีกด้วย ผู้เข้าประกวดร่วมปลูกต้นกระดาษ เดินทางไปในโลกแห่งกระดาษกับหนัง 4 มิติ สนุกสนานกับการพัฒนาบุคลิกภาพร่วมกัน ประชันชุดแต่งกายนานาชาติ ร่วมค้นหาคำตอบของต้นกระดาษบนคันนา อ.ฐานปนิต วิจารณ์ เมคอัพอาร์ติสท์ จาก KMA มาร่วมให้เคล็ดลับการดูแลผิวหน้ากับผู้เข้าประกวดว่า "ผิววัยสาวช่วงอายุระหว่าง 10 ปลายๆถึง 20 ต้นๆนั้นถือว่าเป็นวัยที่กำลังสวยสดใสสมวัยและมีสภาพผิวหน้าที่ดี ดังนั้นจึงควรเริ่มต้นดูแลผิวหน้าตั้งแต่วัยนี้ โดยมีวิธีดูแลง่ายๆ 5 ขั้นตอนด้วยกัน คือ 1) ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี โดยใช้คลีนซิ่งมิลค์ทำความสะอาดเช็ดเครื่องสำอาง ในกรณีแต่งหน้า 2) ล้างหน้าให้สะอาดหมดจดด้วยโฟมล้างหน้า 3) เช็ดหน้าอีกครั้งด้วยโทนเนอร์ เพื่อปรับกระชับรูขุมขน 4) ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า เพิ่มความชุ่ม ชื้น 5) ต่อด้วยการทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด ไม่ให้ผิวหน้าคล้ำก่อนวัย" นอกจากนี้ อ.ณภัสวรรณ จิลลานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านบุคลิกภาพจากสถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ จอห์น โรเบิร์ต เพาเวอร์ส ยังให้คำแนะนำวัยรุ่นปัจจุบันว่า "วัยรุ่นสมัยนี้มัวแต่วิ่งตามแฟชั่น โดยไม่รู้อันไหนถูกอันไหนผิด และไม่มีกาลเทศะ ซึ่งตัวเราเองต้องเป็นผู้พิจารณาว่า แฟชั่นไหนเหมาะสมกับเราต่างหาก อย่างเช่น ผู้หญิงบางคนใส่กางเกงขาสั้น ส้นสูง ไปต่างจังหวัด โดยไม่ได้คิดเผื่อว่า การไปต่างจังหวัด จะต้องเจอกับอะไรบ้าง ถ้ารถเสียขึ้นมากลางทาง การแต่งตัวแบบนั้นจะช่วยอะไรคุณได้ไหม การจะแต่งตัวไปที่ไหนก็ตาม การคิดวิเคราะห์นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ" หลังได้รับข้อคิดดีๆจากกิจกรรมการเก็บตัวแล้ว ผู้เข้าประกวดทั้ง 30 คนสุดท้ายก็ปรากฎโฉมบนเวทีตัดสิน เพื่อแสดงความสวย ฉลาดและความสามารถให้กับคณะกรรมการและกองเชียร์ ณ ลานแฟชั่น ฮอลล์ สยามพารากอน โดยการประกวดครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้ผลักดันศิลปินดาราแนวหน้าของเมืองไทยมาร่วมตัดสิน ได้แก่ คุณเอ ศุภชัย ศรีวิจิตร และคุณจ๋า ยศสินี ณ นคร นอกจากคะแนนจากคณะกรรมการแล้วยังรวมคะแนนโหวตทางเว็บไซต์อีกด้วย โดยผู้ชนะทั้ง 8 แบรนด์แอมบาสเดอร์ของดั๊บเบิ้ล เอ ได้รับมอบรางวัลมูลค่าสูงถึงคนละ 1 ล้านบาท รวมมูลค่า 8 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินสดคนละ 100,000 บาททันทีที่รับตำแหน่ง และได้รับรายได้ประจำตำแหน่งเป็นเวลา 2 ปี พร้อมรับรางวัลหลักสูตรอบรมบุคลิกภาพกับดั๊บเบิ้ล เอ อีกมูลค่า 200,000 บาท สำหรับ 8 สาวผู้ชนะการประกวด Double A I-Girls 2011 ได้แก่ 1. ณัชชา สุผลากร หรือ น้องแอร์ อายุ 21 ปี กำลังศึกษาอยู่ปี 4 คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2. ศรีกานต์ นาคะวิสุทธิ์ หรือ น้องลูกแก้ว อายุ 21 ปี กำลังศึกษาอยู่ปี 3 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3. อนัญญา ชินแสงชัย หรือ น้องหมิว อายุ 23 ปี จบการศึกษาจากคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4. นพวรรณ ชำนาญช่าง หรือ น้องนก อายุ 22 ปี กำลังศึกษาอยู่ปี 4 สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 5. จารุวรรณ ภัทรปัญญาดี หรือ น้องยุ้ย อายุ 19 ปี กำลังศึกษาอยู่ปี 1 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ 6. ณัฐสินี อมรวิริยะกุล หรือ น้องพลอย อายุ 22 ปี กำลังศึกษาอยู่ปี 4 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 7. ณิชา หวังสว่างกุล หรือ น้องแพม อายุ 21 ปี กำลังศึกษาอยู่ปี 4 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 8. ปาริสา เสนาะ หรือ น้องเมย์ อายุ18 ปี กำลังศึกษาอยู่ปี 1 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การประกวด Double A I-Girls ในครั้งนี้ เป็นอีกเวทีหนึ่งที่เปิดโอกาสให้สาวๆมากความสามารถ และมีใจรักสิ่งแวดล้อม ได้ต่อยอดความฝันของตนเอง ดังน้อง "ลูกแก้ว" ศรีกานต์ นาคะวิสุทธิ์ เล่าว่า การประกวดครั้งนี้ เปิดทางสู่การพัฒนาตนเอง ทั้งในด้านภาษา, ประสบการณ์ทำงาน เพื่อเติมเต็มความฝันในการเป็นผู้ประกาศข่าวต่างประเทศให้เป็นจริง นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆเพื่อนำมาปรับปรุงตัวเองตลอดเวลา เช่น ได้พัฒนาบุคลิกภาพ, ได้ฝึกเต้น ฯลฯ ซึ่งน้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์จริงเช่นนี้ โดยภารกิจแรกของ ทั้ง 8 สาวแบรนด์แอมบาสเดอร์ เริ่มต้นด้วยการเดินสายประชาสัมพันธ์แคมเปญ "ดั๊บเบิ้ล เอ ดั๊บเบิ้ล เฮ เที่ยวฟรี ช้อปฟรี 10 ล้านวอนที่เกาหลี" พาเที่ยวและช้อปฟรีที่เกาหลีรวม 35 คู่ 350 ล้านวอน ที่ดั๊บเบิ้ล เอ จัดขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าและคืนกำไรต้อนรับปีมังกร ตามอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ หากใครที่ต้องการชมภาพน้องๆ Double A I-Girls ทั้ง 8 สาวแบบเต็มๆ หรือภาพกิจกรรมน่ารักๆ ที่ผ่านมา สามารถคลิกไปที่ www.doubleaigirls2011.com โรดโชว์ "ดั๊บเบิ้ล เอ ดั๊บเบิ้ล เฮ เที่ยวฟรี ช้อปฟรี 10 ล้านวอนที่เกาหลี" ตามออฟฟิศทั่วกรุง 8 สาวแบรนด์แอมบาสเดอร์ ขอบคุณ KMA ที่สนับสนุนเนรมิตความงาม ร้าน แฮร์ แอท เนล สนับสนุนการประกวดในครั้งนี้

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัวกระดาษพรินต์สีในเกาหลี

ดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษจากคันนา ที่ส่งออกไปแล้วกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์กระดาษตัวใหม่ ภายใต้ชื่อแบรนด์ "ดั๊บเบิ้ล เอ คัลเลอร์ พรินต์" ในประเทศเกาหลี เพื่อรองรับงานพรินต์สีและถ่ายเอกสารสีคุณภาพสูงโดยเฉพาะ หลังจากที่ได้เปิดตัวดั๊บเบิ้ล เอ คัลเลอร์ พรินต์ครั้งแรกในไทยเมื่อปี 2554 ถือเป็นการขยายไลน์สินค้าในตลาดเกาหลีและตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านกระดาษถ่ายเอกสารระดับพรีเมี่ยมของดั๊บเบิ้ล เอ ในประเทศเกาหลีที่ครองตลาดมากว่า 10 ปี และเป็นแบรนด์ที่ครองใจคนเกาหลีมากที่สุด ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ได้วางเป้าหมายจะขยายสู่ตลาดใหม่เพิ่มขึ้น หลังจากการศึกษาพบว่าทิศทางตลาดทั่วโลก ผู้บริโภคกระดาษมีแนวโน้มใช้กระดาษเพื่องานพรินต์สีเพิ่มมากขึ้นในอัตราส่วนที่สูง

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับ คณะนักเรียนและคณาจารย์โรงเรียนบ้านหว้าเอน จ.ปราจีนบุรี

ดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษจากคันนาเพื่อลดโลกร้อน ที่มีจำหน่ายกว่า 100 ประเทศทั่วโลก เปิดบ้านต้อนรับคณะนักเรียนและคณาจารย์โรงเรียนบ้านหว้าเอน จ.ปราจีนบุรี เพื่อเข้าเยี่ยมชมเทคโนโลยีการผลิตกระดาษ อันทันสมัยและใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมสนุกกับภาพยนตร์แบบ 4 มิติ เพื่อเรียนรู้โมเดล "กระดาษจากคันนา" มาตรฐานใหม่ของโลกในการผลิตกระดาษที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถสร้างงานและสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรกว่า 1.5 ล้านราย ในการปลูกต้นกระดาษบนคันนาหรือตามพื้นที่ว่างทางการเกษตรที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ และเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการแก้ปัญหาโลกร้อน เพราะกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ ทุก 1 รีมจะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากบรรยากาศ 12.5 กิโลกรัม ณ ดั๊บเบิ้ล เอ เปเปอร์ ปาร์ค @ 304 เมืองน่ารัก ปราจีนบุรี